ทดสอบ AUDI Q3 SPORT BACK 40TFSI QUATTRO S LINE BLACK EDITION




ความสามารถด้านการขับเคลื่อนที่มาพร้อมราคาค่าตัว ในรูปแบบของรถนำเข้า นี่คือ Q3 ตัวถัง Sportback หลังคาลาดเอียงแนวคูเป้ แต่ดันมีถึง 5 ประตู รุ่น 40 TFSI มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินสี่สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่มีกำลังลดหลั่นมาจากรุ่น 45TFSI ซึ่ง Audi Thailand ไม่ได้นำเข้ามาขาย เนื่องจากราคาแรงเกินไป ค่าตัว 2,990,000 บาท มีอุปกรณ์และออปชันแค่เพียงพอต่อการใช้งาน มันไม่มีแม้แต่หลังคา Panoramic Roof ที่กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับคนที่เลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบัน ราคาเฉียดสามล้าน คุณจะได้รถอเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดที่สวยงามและขับได้ดี มีกำลังแค่พอประมาณ ซึ่งทำให้ควบคุมได้ง่าย จุดเด่นของ Q3 Sportback ก็คือ ความสามารถในการวิ่งทางไกล แม้ตัวถังจะไม่ใหญ่ แต่ระบบ Quattro ทำให้ทรงตัวได้ดีในย่านความเร็วสูง คุณจะได้รถที่นั่งสบายจากช่วงล่างที่เซตมาดีพอตัว และประหยัดน้ำมันพอใช้ได้ในระดับ 12.5 กิโลเมตรต่อลิตร นอกจากนั้น Q3 เป็นรถที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับ BMW X2 / Volvo XC40 / Lexus NX และ Mercedes-Benz GLA อย่างที่เคยบอกเอาไว้นานแล้วว่า ถ้าคุณยอมเปิดใจให้กับแบรนด์สี่ห่วง คุณจะประทับใจกับไดนามิกของรถที่แตกต่างไปจาก BMW และ Mercedes-Benz ในด้านการทรงตัวและการถ่ายเทน้ำหนักในโค้งที่ Audi จูนมาให้เหนือกว่านิดๆ แต่ช่วงล่างของ Q3 ก็ยังเป็นรองคู่แข่งราคาแพงอย่าง Lexus NX450h+ นั่นคือรถที่มีช่วงล่างดีที่สุดในกลุ่ม Luxury Crossover 

รูปลักษณ์ที่คุ้นเคยของ Audi ในยุคใหม่ รถอย่าง Q3 Sportback 40TFSi Quattro S Line Black Edition เริ่มจากกระจังหน้าแปดเหลี่ยมที่ช่วยส่งให้ด้านหน้าของรุ่น Sportback ไฟหน้า LED ขนาดกะทัดรัด พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light กันชนหน้าขนาดใหญ่ปิดคลุมส่วนหน้าของรถเกือบทั้งหมด มุมด้านล่างของกันชนหน้าทั้งสองฝั่ง เจาะเป็นช่องรับอากาศแนวตั้งล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีดำเงา ฝากระโปรงหน้ากับพลาสติกซุ้มล้อแก้มข้างสีดำเงาออกแบบได้อย่างกลมกลืน สอดรับกับเสาหน้าและความลาดเอียงของกระจกบังลมบานหน้า และความเพรียวบางของเสาหน้าที่สอดรับกับเสาท้ายแนว Coupe 

ด้านข้างของ Audi Q3 Sportback 40TFSi Qoattro ไหลลื่น มีเส้นนูนที่แก้มข้างและซุ้มล้อหลังเพื่อเพิ่มมิติของตัวถัง กรอบกระจกบานประตูเดินเส้นด้วยงานโลหะสีดำเงาตามสไตล์รถสี่ห่วงที่ตกแต่งแนว Black Edition มือจับที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวถังและกาบข้างพลาสติกสีเทาดำบริเวณชายล่างของประตูทั้งสองบาน แนวของหลังคาค่อยๆ ลดระดับลงไปที่เสาท้ายอย่างลงตัว ส่วนเสาท้ายมีการออกแบบองศาของความลาดเอียงที่คล้ายกับรถ Hatchback เสาหน้าและเสาท้ายถูกรีดจนบางลง เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยมุมมอง ล้ออัลลอยลาย 5 ก้าน สีเงินสลับสีดำ ขอบ 20 นิ้ว ขนาด 8.5J x 20 พร้อมยาง hankook ventus S1 evo2 SUV ขนาด 255/40 R20 เท่ากันทั้งสี่ล้อ พลาสติกซุ้มล้อสีเทาเข้มเกือบดำ ตัดกับสีขาวเหลือบๆ ผสมกับเงินและเทาด้วยสี Dew Silver metallic ของตัวถังอย่างสวยงาม

Compact Crossover Coupe มักจะมีบั้นท้ายที่ชวนมอง ไม่ว่าจะเป็น BMW X2 / Lexus UX หรือ Audi Q3 Sportback ทั้งคู่ต่างมีงานออกแบบส่วนท้ายที่ลงตัว ความเฉียบคมของเส้นสายที่บรรจบกันอย่างกลมกลืน Q3 มีฝาท้ายไฟฟ้า มาพร้อมระบบเปิด-ปิดฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Tailgate ซึ่งทำงานอย่างเงียบเชียบ ไม่ว่าจะยกตัวขึ้นเมื่อกดเปิด หรือค่อยๆ พับลงตอนปิด กระจกบานฝาท้ายมีขนาดเล็กกว่า Q3 รุ่นตัวถังมาตรฐาน ไฟท้าย LED สวยงามโดนใจ พร้อมกับการยกไฟเลี้ยวที่คุณจะสังเกตได้ว่าไฟเลี้ยวกะพริบไล่เรียงออกจากด้านในไปด้านนอก กันชนหลังเต็มไปด้วยรายละเอียดของเส้นและขอบมุม ครีบรีดอากาศบริเวณชายล่างของกันชนหลัง เส้นพลาสติกสีดำ Black Edition คาดกลางเพื่อทำให้ส่วนท้ายดูแน่นและลงตัว เมื่อเปิดฝาท้าย คุณจะมีพื้นที่ในการขนของโดยยังไม่พับเบาะหลัง 530 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังราบลงกับพื้น จะมีพื้นที่ในการขนสัมภาระมากถึง 1,400 ลิตร กึ่งกลางของหลังคาส่วนท้ายมีเสาอากาศเล็กๆ คล้ายครีบฉลาม ส่วนไฟเบรกดวงที่สามติดตั้งอยู่ด้านบนของขอบกกระจกบานฝาท้าย ตามสไตล์การออกแบบของ Audi ที่ใช้เส้นคมๆ ตัดกันอย่างงดงาม Audi Q3 ใหม่ มีสีตัวถังให้เลือก เช่น สีเทา Chronos Grey, metallic / สีเงิน Dew Silver metallic (คันทดสอบ) / สีขาว Glacier White metallic / สีดำ Mythos Black metallic  / สีส้ม Tango Red metallic สีฟ้า Turbo Blue Solid 

เอกลักษณ์ของรถยนต์ Audi คืองานตกแต่งภายในที่เรียบง่าย มีอุปกรณ์เท่าที่จำเป็นเพื่อลดภารกรรมของคนขับ แต่ยังคงยึดโยงกับวัสดุคุณภาพสูงเพื่อยกระดับความน่าใช้แดชบอร์ดด้านบน ทำจากโฟมฉีดขึ้นรูปห่อหุ้มด้วยวัสดุกประเภทไวนิลคุณภาพสูง ส่วนด้านล่างเป็นพลาสติกเกรดดี แดชบอร์ดของ Q3 ใหม่ออกแบบในลักษณะสองชั้น เพื่อเพิ่มมิติของความสวยงาม ช่องแอร์ทรงเหลี่ยม ล้อมกรอบด้วยงานพลาสติกสีเทาเข้ม ตัดกับสีดำของแดชบอร์ด กึ่งกลางของคอนโซลมีชิ้นงานพลาสติกสีเงิน ที่มีลักษณะคล้ายกับอะลูมิเนียมแปะติดอยู่ เบาะแบบสปอร์ต ปรับระดับด้วยไฟฟ้า เบาะคู่หน้าออกแบบให้นั่งได้สบายตัว เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง พร้อมสัญลักษณ์ S-Line ค่าย Audi ยังติดตั้งระบบปรับดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ส่วนเบาะนั่งด้านหลังออกแบบให้สามารถพับได้ 40 : 20 : 40 หรือปรับเอน เลื่อนหน้า-ถอยหลังได้ พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางเท้าของผู้โดยสารเบาะหลัง เมื่อนั่งสองคนก็จะรู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่งที่อยู่ในเกณฑ์ดี เบาะหลังที่ปรับเอนได้ ทำให้ผู้โดยสารตัวใหญ่นั่งทางไกลได้สบายตัวมากยิ่งขึ้น

ตำแหน่งที่คุณจะต้องจับและมองตลอดการขับเคลื่อนเจ้า Q3 Sportback ก็คือพวงมาลัยและมาตรวัด พวงมาลัย S Line ทรงฐานตัด ออกแบบส่วนล่างของวงให้เป็รนเส้นตรงเพื่อเพิ่มระยะพื้นที่ในการเข้า-ออกจากตำแหน่งคนขับ พวงมาลัยหุ้มหนังแท้แบบสามก้านของ S Line มีรอบวงที่พอดิบพอดีไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป จับได้ถนัดมือ พวงมาลัยยังปรับตั้งได้ถึง 4 ทิศทาง เช่น ปรับความสูง-ต่ำ หรือปรับระยะใกล้-ไกล ได้อย่างครอบคลุมทุกสรีระของคนขับ พวงมาลัยยุคใหม่ของ Audi ติดตั้งสวิตช์มัลติฟังก์ชันมาให้ใช้ปรับค่า หรือเรียกดูข้อมูลที่สำคัญต่างๆ ก้านวงด้านซ้ายเป็นการปรับตั้งการทำงานของจอภาพมาตรวัดแบบ TFT LCD (thin film transistor) ส่วนด้านขวามือเป็นสวิตช์ปรับตั้งและสั่งงานระบบต่างๆ เช่น การรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มควบคุมระบบให้ความบันเทิง เลือกเล่นภาคต่างๆ ของระบบเครื่องเสียง ทั้ง USB FM/AM หรือ Bluetooth ปรับระดับความดังของลำโพงภายในห้องโดยสาร

มาตรวัดแบบจอภาพกำลังเป็นที่นิยม เนื่องจากความทันสมัยและสามารถใส่รายละเอียดลงไปในมาตรวัดได้อย่างหลากหลาย Audi นั้นทำมาตรวัดแบบจอภาพออกมานานแล้ว เริ่มตั้งแต่ Audi TT เจเนอเรชันที่สาม ส่วนมาตรวัดใน Q3 ใหม่ รุ่น Sportback ติดตั้งจอมาตรวัด Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว คุณสามารถปรับเปลี่ยนจอมาตรวัดให้มีขนาดที่ใหญ่แบบปกติ หรือมีขนาดที่เล็กลง เพื่อใช้จอบริเวณกึ่งกลางทำหน้าที่แจ้งข้อมูลที่สำคัญต่างๆ เช่น อัตราสิ้นเปลือง มีหน่วยเป็นลิตรต่อกิโลเมตร ตำแหน่งเกียร์ ระดับเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง อุณหภูมิภายนอก เวลาและวันที่ ทริปมิเตอร์ อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องฯ เรียกว่าเป็นสมองกลส่วนกลางที่เชื่อมโยงกับจอมอนิเตอร์กลางสำหรับการใชังานที่มีความหลากหลายมากกว่า Q3 รุ่นที่แล้ว

ระบบความบันเทิงและการปรับตั้งค่าต่างๆ ของ Audi Q3 Sportback มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8.8 นิ้ว ไม่มีระบบนำทางด้วยดาวเทียว (ออปชันเสริม) ระบบ MMI Radio Plus การเชื่อมต่อสื่อสารกับโลกภายนอกด้วยระบบ Audi Smartphone Interface รองรับ Apple CarPlay / Android Auto ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ช่องเชื่อมต่อ USB และลำโพงคุณภาพปานกลาง 6 ตำแหน่ง

ซุ้มคันเกียร์หน้าตาเรียบหรู หัวเกียร์ทำจากพลาสติกและหุ้มด้วยไวนิลเจาะรูพรุนดูสวยงามถุงหนังที่หุ้มคันเกียร์เดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว เข้ากับเบาะหนังที่ใช้การเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาวตัดกับหนังสีเทา-ดำ แผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบ 2 โซน คืออีกจุดที่ Q3 ออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยม แผงควบคุมมีขนาดเล็ก และมีปุ่มแค่สามปุ่มสำหรับการปรับตั้งทิศทางและระดับความเย็น ต่ำลงมาจากแผงควบคุมระบบแอร์ เป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมความดังของลำโพง และปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ สำหรับแผงประตูที่ดูดี Audi ใช้การออกแบบที่เฉียบคมของเส้นต่างๆ ที่ตัดกันอยู่บนแผงประตู ตำแหน่งของมือจับที่เปิดประตูทำจากพลาสติกคล้ายอะลูมิเนียมสีเงิน วัสดุพวกไวนิลเกรดสูง เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาวอีกเช่นกัน

Audi เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติเยอรมันที่ใส่ใจใน Dynamic มากที่สุด วิศวกรของค่ายสี่ห่วงพยายามนำเสนอ Q3 ด้วย Dynamic ของการขับที่ดี ในรูปแบบของรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก การปรับแต่งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร กับชุดส่งกำลัง 7 สปีดคลัตช์คู่ให้สอดรับกับการใช้งาน ทำให้ Audi Q3 Sportback 40TFSi เป็นรถที่น่าใช้และมีการขับที่สูสีกับ Mercedes-Benz GLA200 ในเมือง ขนาดที่เล็กของ Q3 ทำให้เกิดความคล่องตัว สามารถสอดแทรกตัวเองเข้าไปในตรอกซอกซอยที่คับแคบ มันเป็นรถที่มีพวงมาลัยไฟฟ้าอย่างเริ่ด ทำให้เลี้ยวกลับลำได้อย่างคล่องแคล่ว เครื่องเบนซินตัวเล็ก เร่งได้เร็วพอใช้ได้ และเป็นรถที่มีช่วงล่างดี ทำให้เกิดความสบายจากค่าของการปรับเซตช่วงล่างที่ออกมาในลักษณะเน้นความนุ่มนวลและกระชับ การออกแบบเบาะนั่ง ช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้า เพื่อความง่ายและสบายในการควบคุมหรือนั่งโดยสาร เป็นเอกลักษณ์ของ Audi ที่ยากจะลอกเลียนแบบ

เครื่องยนต์รุ่น 40TFSi พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro เป็นเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง สี่กระบอกสูบพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ เป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังใช้ได้ มีงานประกอบที่ประณีต และมีประสิทธิภาพด้านแรงบิด เกียร์ S tronic เจ็ดสปีดที่เปลี่ยนได้รวดเร็วส่งกำลังลงไปยังล้อทั้งสี่ ผ่านกลไกของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร Quattro แบบออฟโรด ระบบขับเคลื่อนของ Q3 40TFSi มอบความพึงพอใจในการขับใช้งาน ช่วงล่างเซตมาดีด้วยมือขั้นเทพที่จูนจนนิ่งแม้จะใช้ความเร็วสูง ด้วยการยึดเกาะและเสถียรภาพที่ไม่สั่นคลอนขณะทำความเร็ว ระบบควบคุมการลงเนินที่เป็นตัวเลือกจะรักษาความเร็วที่ตั้งไว้ล่วงหน้าบนทางลาดลงเขาที่สูงชัน ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของ Audi Q3 ได้โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การขับขี่ สภาพถนน หรือความต้องการส่วนบุคคลโดยใช้ระบบขับเคลื่อนของ Audi ที่เลือกระบบจัดการไดนามิกที่มีโปรไฟล์ทั้งหมด 6 แบบ ตั้งแต่ Comfort Auto ไปจนถึงโหมดสูงสุดอย่าง Dynamic ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต มาตรฐานพร้อมแพ็กเกจตกแต่งภายนอก S line – พร้อมสปริงทอร์ท/จูนโช้คอัพและพวงมาลัยไฟฟ้าแบบโปรเกรสซีฟ อัตราทดของพวงมาลัย แปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วและมุมบังคับเลี้ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การควบคุมของ Audi Q3 ใหม่มีประสิทธิภาพด้านความคล่องตัวและเฉียบคม

เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ ขนาด 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ ปริมาตรความจุ 1,984 ซีซี 4 วาล์วต่อสูบ กระบอกสูบ 82.5 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.8 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.6:1 กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 สปีด มีคลัตช์ถึงสองชุดเพื่อทำให้การเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ไหลลื่นและรวดเร็ว ตอบสนองต่อการทดกำลังแรงบิดที่ขึ้นตรงต่อความสมดุลของรถผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ตัวเลขสมรรถนะ เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์ พร้อมกันโคลง น้ำหนักรถทั้งคันอยู่ที่ 1,595 กิโลกรัม

แนวคิดเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนที่ถ่ายเทแรงบิดได้อย่างหลากหลายในทุกสภาวะของการขับขี่ เทคโนโลยี quattro คือวิธีการทำงานของชุดควบคุมแรงบิดที่สามารถถ่ายเทไปยังล้อแต่ละข้าง พร้อมซอฟต์แวร์ Electronic Stabilization Control (ESC) ในระหว่างการเข้าโค้ง ระบบเบรกจะใช้เบรกเบาๆ กับล้อที่ไม่ได้โหลดที่ด้านในของโค้งก่อนที่รถจะเกิดอาการลื่นไถล อินพุตในจุดนี้ทำให้การจัดการค่าความเป็นกลางของรถ โดยเฉพาะไดนามิกมีความเสถียรสูงสุด

quattro พร้อมเทคโนโลยี Ultra ที่มีประสิทธิภาพสูง ได้รับการออกแบบมาสำหรับรถ Audi ที่มีเครื่องยนต์ติดตั้งด้านหน้าแบบวางตามขวาง ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์คลัตช์คู่ S tronic ในการขับปกติบนถนนที่ราบเรียบ ระบบจะส่งกำลังเฉพาะล้อหน้า หรือถ่ายเทไปที่ล้อหน้า 70% ล้อหลังแค่ 30% หรือตัดกำลังล้อหลังลงด้วยการเทแรงบิดไปที่ล้อหน้า 100% ด้วยเหตุผลด้านประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนแบบใช้งานในย่านความเร็วต่ำ ขับในเมือง หรือขับด้วยความเร็วเดินทางที่ไม่สูงมากนัก ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะพร้อมทำงานทันทีเมื่อมีความจำเป็น Quattro จะทำงานโดยใช้ซอฟต์แวร์ตรวจจับผ่านเซนเซอร์ หรือใช้การคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยโปรแกรมที่ผ่านการทำงานของสมองกลไฟฟ้า ในระหว่างการเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว หน่วยควบคุมจะตรวจจับว่าล้อหน้าด้านในที่กำลังจะถึงขีดจำกัดการยึดเกาะก่อนประมาณครึ่งวินาที ก่อนที่ล้อจะสูญเสียการยึดเกาะกับถนน ระบบจะทำการลดแรงบิดหรือเบรก เพื่อลดการสูญเสียแรงยึดเกาะกับผิวถนน การทำงานของ Ultra Quattro ช่วยเสริมทั้งในแง่ของเสถียรภาพ ไดนามิก และการจัดการกับแรงบิดที่ถูกต้องในแต่ละล้อทุกย่านความเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับระบบขับเคลื่อน quattro แบบตลอดเวลา

คลัตช์สองชุด ในระบบส่งกำลัง S Tronic 7 สปีด ทำให้ชุดขับเคลื่อน Quattro ต้องมีเทคโนโลยีพิเศษเพื่อความได้เปรียบด้านประสิทธิภาพการถ่ายเทแรงบิด ที่ให้ความสมดุลขณะขับเคลื่อน เมื่อระบบเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อนล้อหน้า คลัตช์หน้า คลัตช์หลายแผ่นที่เอาต์พุตเกียร์ จะตัดการเชื่อมต่อกับเพลากลาง คลัตช์แยกชิ้นส่วนปิดการทำงานที่เฟืองท้าย โดยจะปิดส่วนประกอบที่หมุนอยู่ ทำให้การสูญเสียเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็นมีค่าที่ลดลง และเมื่อขับเร็วขึ้นจน Quattro ตรวจพบ การกระจายแรงบิดทั้งสี่ล้อจะเกิดขึ้นในลักษณะที่ผกผันอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ความเนียนของระบบทำให้ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าล้อหน้าหรือล้อหลัง หรือทั้งสี่ล้อที่กำลังทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถ

เมื่อสูญเสียการยึดเกาะ ความเร็วของเพลาอินพุตและเอาต์พุตจะเปลี่ยนไป ระบบ Haldex ในชุด Quattro จะตรวจจับความแตกต่างและปรับการกระจายแรงบิดไปยังเพลาหน้าและเพลาหลัง Ultra Quattro ยังกระจายแรงบิดไปตามความเร็วรอบของเครื่องยนต์ แรงบิดเอาต์พุต และตำแหน่งคันเร่ง

ปัจจุบัน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Audi Quattro AWD ควบรวมการสั่งงานด้วยกลไกและอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนซอฟต์แวร์อัจฉริยะและเซนเซอร์ที่ตรวจสอบมุมพวงมาลัย การยึดเกาะถนน การควบคุมการทรงตัว การเคลื่อนที่ของล้อ และมุมเอียง นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี quattro ของ Audi อีกห้าเวอร์ชัน รวมถึงรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงใน RS3 ที่จะตัดการเชื่อมต่อจากเพลาล้อหน้าเพื่อทำให้ล้อหลังส่งกำลังได้ 100% สำหรับการขับดริฟต์ และ Ultra Quattro ที่ช่วยทำให้การกระจายแรงบิดเป็นไปอย่างสมดุล ลื่นไหล นิ่มนวลและประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น Audi นำเสนอ Quattro AWD หลายเวอร์ชัน เนื่องจากรูปแบบการใช้งานขึ้นตรงกับระบบโดยรวม อ้างอิงตามแพลตฟอร์มรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน ระบบส่งกำลังของรถแต่ละรุ่นถูกปรับตั้งด้วยไดนามิกแบบเฉพาะเจาะจง มีการปรับแต่งการทำงานบางจุดที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชุดแบตเตอรี่วางอยู่บนฐานของพื้นรถจะต้องมีการติดตั้งชุด Quattro ที่แตกต่างจากรถสันดาปภายในเครื่องยนต์ขวาง ซึ่งจะแตกต่างจากระบบในรถ SUV ขนาดใหญ่เช่นกัน

Quattro AWD ในรถรุ่นใหม่ ทำงานในลักษณะเดียวกับ Quattro ในอดีต แต่ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้ในการปรับการทำงานของระบบให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตอบสนองเร็วและเนียนมากกว่าเดิม จากการปรับแต่งที่เต็มไปด้วยรายละเอียด เพื่อให้เข้ากับลักษณะการขับขี่ที่เป็นคาแรกเตอร์ของรถแต่ละรุ่น ทำให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการเข้าโค้ง รวมถึงประสิทธิภาพในการตอบสนอง และการจัดการด้านการยึดเกาะที่คาดหวังได้ของรถยนต์จากแบรนด์ Audi

จุดศูนย์ถ่วงของเครื่องยนต์สี่สูบขนาดกะทัดรัดที่ไม่สูงมากเกินไป การทดกำลังด้วยเกียร์คลัตช์คู่ ลงไปยังระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ที่ทำงานได้อย่างว่องไวทั้งสองระบบ ทำให้การควบคุมทิศทางบนพื้นผิวทุกประเภทมีความเสถียร สมมติฐานที่รู้จักกันดีสองสามข้อเกี่ยวกับประโยชน์ของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ในกรณีของ Quattro แรงบิดถูกกระจายไปยังล้อทั้งสี่โดยแปรผันแรงบิดไปตามเงื่อนใขหรือสภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว องศาของพวงมาลัย สภาพของผิวถนน ทำให้ Q3 แสดงพฤติกรรมที่มั่นคง ทั้งบนส่วนโค้งของพื้นผิวยางมะตอย (แอสฟัลต์) และเมื่อขับบนถนนที่มีพื้นผิวไม่เรียบ ข้อดีของรถขับเคลื่อนสี่ล้อจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อขับรถบนพื้นผิวที่ลื่นไถล หรือขับเคลื่อนขณะฝนตก รถขับเคลื่อนสี่ล้อมีแนวโน้มที่จะออกอาการอันเดอร์สเตียร์ที่เป็นกลาง มากกว่าเคลื่อนล้อหน้า มีไดนามิกในการเร่งความเร็วที่ดี แรงบิดที่ส่งไปยังล้อทั้งสี่ช่วยให้ตระหนักถึงความสามารถของเครื่องยนต์กำลังสูงได้ดีขึ้น

Audi ปรับเซตรถให้มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของการใช้งาน Q3 รุ่นใหม่ก็ยังเป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ท่ีมีฃ่วงล่างดี การปรับจูนให้มีความลงตัว สอดรับกับความสบายท่ามกลางไดนามิกแบบรถเยอรมนี ห้องโดยสารแม้จะเป็นรุ่นตัวถัง Sportback แต่กว้างกว่าที่คิด เหมือนกับเอา Q5 มาย่อส่วนให้เล็กลง มันเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีความกระชับรัดกุมในเมือง เมื่อต้องใช้พวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางมากกว่าการขับบนไฮเวย์ คุณจะรู้สึกได้ถึงความคล่องแคล่วที่เหนือกว่ารถคู่แข่ง การเก็บเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ที่ไม่ค่อยจะดีก็คือออปชั่นบางอย่างที่ถูกถอดออกไปเพื่อกดราคา แต่อย่างที่บอกว่าถึงจะพยายามแล้วแต่ราคาของ Q3 ก็ยังคงสูงอยู่ดีและมีแค่ NX ใหม่เท่านั้นที่มีค่าตัวสูงกว่า นั่นคือสไตล์ของค่ายหัวลูกศรที่มักจะตั้งราคาให้โด่งกว่ารถคู่แข่งแม้แต่รุ่นเริ่มต้นก็ยังแพงกว่าอย่างชัดเจน

ในโลกยานยนต์ที่เราทุกคนต่างต้องพบกับความเปลี่ยนแปลที่กำลังจะเกิดขึ้น ทุกวันนี้ เครื่องยนต์เป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การขับขี่ แต่อีกไม่นาน ความรู้สึกนั้นจะถูกเปลี่ยนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง เราคุ้นเคยกับเครื่องยนต์ชั้นเยี่ยมที่ Audi พัฒนาและผลิตมาเป็นเวลาหลายปี ปัจจุบัน Audi ขึ้นชื่อในเรื่องเครื่องยนต์ 4 สูบ TFSI เทอร์โบเดี่ยวที่ปรับสมดุลของย่านกำลังได้อย่างหลากหลาย ส่วนเครื่อง 5 สูบกับระบบอัดอากาศสไตล์รถแข่งซึ่งเป็นเครื่องยนต์ของ Audi RS Q3 และ TT RS เครื่องยนต์ที่มีพัฒนาการยาวนานกว่า 30 ปี ของแบรนด์สี่ห่วงรุ่นนี้ สามารถคว้ารางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมต่อเนื่องยาวนานหลายปี แบรนด์เยอรมันเจ้าของตราสัญลักษณ์รูปห่วงนี้ยังมีส่วนในการออกแบบพัฒนาที่น่าสนใจ ขุมกำลังบางรุ่นมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน เช่น เครื่องยนต์เบนซิน V6 และ V8 ทวินเทอร์โบ ซึ่งส่วนหนึ่งประจำการอยู่ในรถตระกูล RS รุ่นใหญ่ เช่น RS6 RS7 RS Q8 บุคลิกภาพ การตอบสนองและลักษณะเฉพาะตัวของเครื่องยนต์เหล่านี้ดูเหมือนจะขึ้นตรงกับการออกแบบแคมชาร์ป กลไกลของชุดวาล์ว ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้า และระบบเชื้อเพลิง TFSI ไดเร็กอินเจคชัน แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่กำลังมุ่งสู่ความเป็นเนื้อเดียวกันในรูปแบบของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งให้ความแตกต่างด้านการขับเมื่อเทียบกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน แบรนด์ Audi สร้างเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของรถยนต์รุ่นนั้นๆ เมื่อมองดูอนาคตที่กำลังจะมาถึง เครื่องยนต์ชั้นดียุคสุดท้ายของแบรนด์สี่ห่วงยังสามารถพัฒนาไปไกลกว่านี้มาก แต่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาแทนที่ ทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณกำลังเดินมาถึงทางตัน

Q3 Sportback รุ่น 40TFSi มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ที่ทำให้รถรุ่นนี้ขับได้ดีกว่ารุ่น 35TFSi ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ความสมดุลของการขับเคลื่อน ขึ้นตรงกับชุดเฉลี่ยแรงบิดในกลไก Quattro ความสบายของเบาะนั่งและการจัดวางอุปกรณ์ที่เน้นการใช้งานของคนขับเป็นหลัก ออปชันที่ถูกหั่นออกไปเพื่อทำราคา ทำให้คู่ต่อสู้มีความได้เปรียบในด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความหลากหลายในการใช้งาน แต่ไดนามิกส์ที่เหนือกว่าของ Q3 40TFSi ทำให้มันเป็นรถที่ขับได้ดีสุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีราคาถูกกว่า ยกเว้นช่วงล่างชั้นเทพของ Lexus NX450h +F Sport สำหรับ Q3 หลังคาลาด มาเต็มด้วยชุดตกแต่งภายนอก S Line Black Edition คุณจะได้ความดุดันของสีดำจากอุปกรณ์ภายนอกและความหลากหลายของงานตกแต่งภายใน ชุดแต่งภายนอกแบบ S line กันชนหน้า-หลัง ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่สีเงินสลับสีดำเงาที่สวยงาม กรอบกระจกรอบคันกับชิ้นงานที่ตกแต่งกันชนหน้า-หลัง และชายล่างตรงขอบประตูสีดำเงา ห้องโดยสารติดตั้งชุดแต่งภายใน S line ทั้งเบาะและพวงมาลัยรวมถึงแป้นคันเร่ง วัสดุลาย Matte Brushed Dark Aluminium ไฟหน้าและไฟท้าย LED พร้อมฟังก์ชันสัญญาณไฟเลี้ยวด้านหลัง dynamic ไฟหน้าไม่มีระบบอัตโนมัติของ Q3 นี่ก็น่าจะโดนตัดออกไปด้วยอีกเช่นกัน 

ขับทดสอบทางไกลในสถานที่คุ้นเคยอย่างปากน้ำปราณบุรี จนไปถึงอุทยานสามร้อยยอด Q3 ทำตัวกลมกลืนไปกับถนนที่เต็มไปด้วยรถบรรทุกและรถกระบะติดคอก จังหวะโล่งๆ ผมดันเกียร์ลงไปที่ตำแหน่ง S เกียร์ S-Tronic ที่มีคลัตช์สองชุดตอบสนองทันทีด้วยการคาเกียร์ที่มีแรงบิดเยอะอย่างเกียร์ 3 และเกียร์ 4 การขับแบบลากรอบในตำแหน่งเกียร์ Sport ให้ความกระชับฉับไวในการเร่งแซงหรือไต่ระดับความเร็ว แรงบิด 320 นิวตันเมตรมีให้ใช้อย่างพอเพียงตั้งแต่ 1,700 รอบต่อนาทีเป็นต้นไปจนถึง 6,000 รอบต่อนาทีเมื่ออยู่กับพวกมือหินตีนโหด แม้จะเก็บเสียงได้ดี แต่เสียงของเครื่องเบนซิน 2 ลิตรเทอร์โบในรอบสูง 4,500 รอบต่อนาทีก็ครางเข้ามาให้ได้ยิน เป็นเสียงการทำงานในรอบสูงที่ให้ความรู้สึกเร้าใจแม้ท่อจะพยายามเก็บเสียงไม่ให้ดังมากจนเกินไป แต่ด้วยการที่ใช้รอบเครื่องที่สูงอย่างต่อเนื่อง เสียงเครื่องและเสียงท่อของ Q3 จึงคำรามออกมาเบาๆ พอให้ได้ยิน ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 7.8 วินาที เร็วกว่ารถคู่แข่งอย่าง BMW X1 และ GLA200 เล็กน้อย ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 11.5 กิโลเมตรต่อลิตร มีการใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่องเพื่อไปให้ถึงโลเกชันก่อนที่ฝนจะเทลงมา แต่ตัวเลขดังกล่าวน่าจะดีกว่านี้ถ้าใช้คันเร่งแบบปกติ หรือขับแบบเรื่อยๆ มีได้เห็น 13 กิโล-ลิตร ได้อย่างสบายๆ 

การเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า เมื่อกดคันเร่งลงจนสุด Q3 ไม่ใช่รถที่จะพุ่งทะยานไปตามฝ่าเท้า กำลังจากเครื่อง 2 ลิตร เทอร์โบ 180 แรงม้า สำหรับรถยุโรปไซส์เล็กถือว่าไม่ได้มากมายอะไร เครื่อง TFSI ทำงานอย่างราบรื่นและสุภาพ เป็นบุคลิกของพ่อบ้านที่ชอบพาครอบครัวออกเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดพร้อมกับสัมภาระเต็มคัน การไต่ระดับความเร็วขึ้นไปแบบเรื่อยๆ แต่มั่นคง คุณจะงงว่ามันวิ่งทะลุ 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่อาการทุกอย่างยังคงปกติ การทรงตัวที่ดีของ Q3 รุ่นขับสี่ เกิดขึ้นทุกครั้งที่ขับเร็ว นั่นเป็นเรื่องที่ดีและช่วยทำให้เกิดความมั่นใจ ช่วงล่างพยายามรักษาการยึดเกาะของล้อ ผมชอบการทรงตัวของ Q3 ตัวถังมาตรฐานมากกว่า Q3 Sportback แต่ก็ถือว่าในย่านความเร็วสูงนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก ส่วนยางเกาหลียี่ห้อ hankook รุ่น ventus s1 evo2 suv ไซส์ 255/45R19 104Y รับหน้าที่ถ่ายเทแรงบิดลงไปบนพื้นถนนพร้อมๆ กับการยึดเกาะในโค้งที่ใช้ได้เลยทีเดียว อาการในโค้งเมื่อขับด้วยความเร็วสูงค่อนข้างเป็นกลาง เมื่อใช้ความเร็วที่พอดีกับลักษณะของโค้ง หรือเติมคันเร่งให้ความเร็วเกินนิดๆ ยางก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีประสานไปกับความคมของพวงมาลัยไฟฟ้าที่ผ่อนสั้นผ่อนยาวไปตามสปีดความเร็ว และโหมดการขับเคลื่อนที่เลือกผ่าน Audi Drive Select

เกียร์ S-Tronic เป็นระบบส่งกำลังที่มีคลัตช์สองชุด หรือ Dual-clucth ที่ Audi ลงมือพัฒนาด้วยตัวเอง เกียร์คลัตช์คู่ ทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่นและนุ่มนวลเมื่อเดินทางด้วยความเร็วต่ำ แต่ก็พร้อมจะเปลี่ยนสันดานไปเป็นเกียร์ที่ทดกำลังได้อย่างว่องไวเมื่อโหมดขับเคลื่อนทั้ง Audi Drive Select ถูกเปลี่ยน และการผลักคันเกียร์ลงล่างหนึ่งครั้งในโหมด S มันก็พร้อมที่จะเปลี่ยนนิสัยเมื่อถูกคิกดาว์นแบบฉับพลันทันที รุ่น 35TFSi มีเกียร์แค่ 6 สปีด แต่รุ่น 40TFSi มีอัตราทดมาให้ 7 สปีด ไม่มากเท่ากับ BMW ที่มี 8 สปีด หรือแม้ GLA200 ที่มีเกียร์ 7G DTC แบบคลัตช์สองชุดเหมือนกัน การเซตอัตราทดค่อนข้างครอบคลุมกับแรงบิด รวมถึงการจัดสรรแรงบิดลงไปในล้อขับเคลื่อนแต่ละข้างเพื่อสร้างความสมดุล เสถียรภาพของ Q3 คืออีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องพูดถึง อย่างท่ีบอกว่า Audi มีมือระดับเซียนคอยเซตองคาพยบของรถแต่ละรุ่นให้มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ทำให้ Q3 Sportback 40TFSi เป็นรถที่มีพวงมาลัยคม ช่วงล่างแน่น เกาะถนนได้อย่างเหนือความคาดหมาย และมีความสบายเมื่อเอามาขับใช้งานทางไกล

Q3 รุ่นหลังคาลาดที่ประจำการด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ เป็นรถที่น่าใช้แต่ติดที่ราคานำเข้านั้นแพงไปนิด คุณอาจชอบแบรนด์ตราดาวที่ใส่ความน่าใช้ลงมาให้ใน GLA200 หรือบางคนก็รอการมาถึงของ BMW New X1 ในช่วงปลายปีนี้ หรืออาจเป็นต้นปีหน้า บางคนก็ไม่แคร์เรื่องของราคาและเดินไปหารถที่แพงกว่ามากอย่าง Lexus New NX ซึ่งมาพร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริดสุดประหยัด การเลือก Q3 40 TFSI คุณจะได้รถอเนกประสงค์คันเล็กที่ขับได้ดีเพราะมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อคอยช่วยเหลือ เครื่องยนต์ TFSI ตอบสนองเท่าที่ควรจะเป็น ไม่แรง แต่ก็ไม่ได้อืดจนหน้ารำคาญ อย่างแรงติดเท้าก็ต้องควักเฉียดๆ 5 ล้าน เพื่อแลกกับ RS Q3 ที่ขับสนุกเหลือกำลังลาก แต่ราคา 2.9 ล้านบาทของ Q3 Sportback 40 TFSI ก็มีลูกค้าไทยหลายคนที่ยอมรับได้ ส่วนหนึ่งเคยมีทั้ง BMW และ Mercedes และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะชื่นชอบในความเป็น Audi นั่นหมายรวมถึงงานหลังบ้านที่ยังคงดูแลลูกค้าได้น่าประทับใจอยู่เสมอ เพราะไม่ได้ขายดีจนทำให้หลังบ้านรั่วแบบบางค่ายนั่นเอง.

Q3 Sportback 40 TFSI quattro S line Black Edition

แบบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง
พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง แบบฉีดตรง (direct injection)
เทอร์โบชาร์จ
จำนวนวาล์ว 16 
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,984 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 132 กิโลวัตต์ 180 แรงม้า ที่ 3,900 – 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 3,940 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ 
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนสี่ล้อ (quattro)
อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. 7.8 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 220 กม. / ชม.
ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start/stop system) 
พวงมาลัย พวงมาลัยไฟฟ้า Progressive Steering

เบรกหน้า ดิสก์เบรก 
เบรกหลัง ดิสก์เบรก 
พื้นที่เก็บสัมภาระ 530 – 1,400 ลิตร
ความจุถังน้ำมัน 58 ลิตร
ล้อ 20 นิ้ว ขนาด 8.5J x 20 พร้อมยาง ขนาด 255/40 R20 
ยางอะไหล่ 

ระบบความปลอดภัย
Q3 Sportback 40 TFSI quattro S line Black Edition
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง 
ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย
ระบบเบรกมือไฟฟ้า 
ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist) 
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) 
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution) 
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system) 
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with
stabilization function)
ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน (Hill descent control) 
เซ็นเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด 
กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด 
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 
ชุดปฐมพยาบาล 
อุปกรณ์มาตรฐาน
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select) 
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Black Edition 
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ S line 
ชุดตกแต่งภายในแบบ S line 
ตกแต่งห้องโดยสารภายในลาย Matte Brushed Dark Aluminium 
ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมฟังก์ชันสัญญาณไฟเลี้ยว
ด้านหลังแบบ dynamic
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED 
กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ 
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ 
กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า, ไล่ฝ้า 

ความสะดวกสบาย
เบาะนั่งหุ้มหนัง 
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports พร้อมสัญลักษณ์ S line 
เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับดันหลัง 
เบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้ 
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 2 โซน 
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมสัญลักษณ์ S line
และ paddle shift
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise control) 
กุญแจแบบ Comfort key พร้อมระบบเปิด-ปิดบานประตูท้าย
โดยไม่ต้องใช้มือ

ระบบข้อมูลและความบันเทิง
Q3 Sportback 40 TFSI quattro S line Black Edition
ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง 
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว 
ระบบ MMI Radio plus พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส (MMI touch)
ขนาด 8.8 นิ้ว 
ระบบ Audi smartphone interface 
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 
รองรับ MP3 
ช่องเชื่อมต่อ USB 
ไฟเรืองแสงในห้องโดยสารสีขาว (Lighting package)

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/