ฮวงจุ้ย..เปลี่ยนชีวิต “ฮวงจุ้ยผู้นำ” ฝ่าวิกฤติ




“ถ้าทำอาชีพถูกโฉลก แม้จะอยู่ในช่วงดวงยังไม่ดี ยังไงก็ได้เงินบ้าง พอถึงช่วงดวงขาขึ้น จะกำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าทำอาชีพไม่ถูกโฉลก ถ้ายังอยู่ในช่วงดวงดี จะยังไม่ขาดทุน แต่เมื่อไหร่ที่ดวงเป็นช่วงขาลง จะเริ่มขาดทุนทันที”

ซินแสฮ่องกงท่านหนึ่งได้กล่าวเอาไว้และ…

มีวิธีคิดด้วยว่าการทำธุรกิจถูกโฉลกหรือไม่? และยังอยู่ในช่วงดวงราชาหรือเปล่า อะไรคือการถูกโฉลกหรือไม่ถูกโฉลก นั่นก็คือการถูกโฉลกของโหราศาสตร์จีนคือดู “ธาตุทั้ง 5” ว่าดวงถูกโฉลกกับธาตุอะไรบ้าง และต้องดูทิศที่ถูกโฉลกด้วย

อย่างเช่น คนที่ถูกโฉลกกับธาตุน้ำ จะถูกโฉลกกับทิศทางเหนือ สีที่ถูกโฉลกคือ สีดำ น้ำเงิน ฟ้า ฟ้าน้ำทะเล…คนที่ถูกโฉลกกับธาตุไม้ จะถูกโฉลกกับทิศตะวันออก สีที่ถูกโฉลกคือ สีเขียว…

คนที่ถูกโฉลกกับธาตุไฟ จะถูกโฉลกกับทิศใต้ สีที่ถูกโฉลกคือ

สีแดง…คนที่ถูกโฉลกกับธาตุทอง

จะถูกโฉลกกับทิศตะวันตก สีที่ถูกโฉลกคือ

สีทอง-เงิน สีสะท้อนแสง สีขาว…คนที่ถูกโฉลกกับธาตุดิน จะถูกโฉลกกับทิศตรงกลาง สีที่ถูกโฉลกคือ น้ำตาล เหลือง เทา

ชาวจีนโบราณเชื่อกันว่า “ฮวงจุ้ย” หรือ “ชัยภูมิและสิ่งแวดล้อม” มีผลกระทบต่อการ ดำรงชีวิตของมนุษย์ ทั้งในด้าน “ดี” และ “ไม่ดี”

จึง…ได้พยายาม “ปรับตัว” ให้เข้ากับ “สิ่งแวดล้อม” และ “ธรรมชาติ”

“ฮวง” แปลว่าลม “จุ้ย” แปลว่าน้ำ หลักฮวงจุ้ยได้กำหนดทิศทางทั้งสี่คือ ทิศหลังบ้านหรือทิศเต่าดำ เป็นตัวแทนของความมั่นคง ความยั่งยืน อำนาจบารมี ทิศหน้าบ้าน…หรือทิศหงส์แดง เป็นตัวแทนของโชคลาภ ทิศขวามือ…เมื่อหันหน้าออกหน้าบ้าน คือทิศเสือขาว เป็นตัวแทนของผู้หญิง พละกำลัง นิ่ง

ทิศซ้ายมือของบ้าน คือ…ทิศมังกรเขียว เป็นตัวแทนของผู้ชาย สติปัญญา

แล้วก็มาว่ากันต่อถึงการเคลื่อนไหว อาจจะกล่าวได้ว่า นอกจากสิ่งแวดล้อมและชัยภูมินอกบ้านแล้ว ยังมีชัยภูมิภายในบ้านอันมีส่วนที่สำคัญ ได้แก่ ประตูหลัก ที่นั่ง ที่นอน เตา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์

O O O O

ฮือฮากันอีกครั้งสำหรับสายมู เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมากับการเปิดห้องทำงาน “บิ๊กตู่” ที่มีการจัดตั้ง 3 โต๊ะหมู่บูชา เพื่อ…บูชาพระพุทธรูป, บูชาชุดเทพเจ้า, บูชาอดีตบูรพกษัตริย์ และบริเวณระเบียงด้านหน้าชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งยังได้มีการตั้งบูชารูปปั้น “นรสิงห์” เพื่อเรียก…“พลังอำนาจ”

“ทำเนียบรัฐบาล” หรือ “บ้านนรสิงห์” ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล เนื่องจากเป็นสถานที่ทำงานของนายกฯ และรัฐมนตรี น่าสนใจว่าในแต่ละยุคสมัยก็มีการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เพื่อเสริมบารมีผู้นำประเทศ ซึ่งมีข่าวการปรับฮวงจุ้ยอยู่เนืองๆ

หากย้อนไป สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ก็นิยมนำต้นไม้สูง เช่น ต้นปาล์ม มาปลูก…รัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ใช้ต้นข่อยทรงพุ่ม ในความหมายจะทำให้เกิดความมั่นคง ช่วยป้องกันศัตรูหรือภยันตรายต่างๆจากภายนอกได้…ขณะที่สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ไม่ได้มีการตกแต่งหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นพิเศษ

กระทั่งมาถึง รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร พยายามแก้ “ฮวงจุ้ย” ด้วยการปรับเปลี่ยนทางเข้า รื้อต้นไม้เก่าออก นำไม้ดอกทางภาคเหนือมาปลูกแทน ทุบทำลายกำแพงคอนกรีตรอบทำเนียบรัฐบาลที่เป็นกำแพงทึบ ให้เป็นรั้วเหล็กดัดที่มีความโปร่ง มีรูระบาย เพื่อให้คนภายนอกมองเห็นความสวยงาม

รวมทั้งยังย้าย “ศาลพระภูมิ” และ “ศาลตายาย” ไปอยู่ในมุมอับริมรั้วใกล้หม้อแปลงขนาดใหญ่และบ่อบำบัดน้ำเสียแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น จนถึงขั้นคิดจะย้ายทำเนียบรัฐบาลไปอยู่ที่อื่น

ผ่านมาถึงรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็มีการปรับฮวงจุ้ยเช่นกัน เริ่มจากนำอ่างน้ำพุมาวางไว้ที่หน้าห้องสีม่วงในตึกไทยคู่ฟ้า…นำต้นโมก ต้นโกสน ต้นเข็มอินเดียหลากสี ต้นพุดอินเดียสีขาว มาปรับแต่งตามจุดต่างๆรอบตึกไทยคู่ฟ้า…

ขณะที่ด้านหน้าก็ติดตั้งหมุดสะท้อนแสงไว้ที่พื้นคอนกรีตหน้าบันไดทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

สองเดือนต่อมา…ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนอีกครั้ง ด้วยการนำรูปปั้น “พระสังกัจจายน์” และ “ปี่เซียะ” ไปตั้งไว้บนหลังคาตึกไทยคู่ฟ้า ตามความเชื่อแบบจีน…

ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มีการปรับแต่งฮวงจุ้ยหลายครั้ง เริ่มจากการบูรณะทำเนียบฯครั้งใหญ่เนื่องจากทรุดโทรมและเสียหายอย่างหนัก…นำต้นโกศลที่เชื่อว่าเป็นกุศล 6 กระถาง วางบนสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมทั้งนำลูกแก้ววางตามจุดต่างๆในตึกไทยคู่ฟ้า

นำไม้บรรทัดสีทองติดไว้ที่เหนือประตูทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้าและวางเหรียญจีน อายุกว่า 300 ปี ไว้ตามมุมตึก เพื่อลบเหลี่ยมมุมไม่ให้ทิ่มแทงรัฐบาล นอกจากนี้ยังนำเสาธงสีทอง ยอดเสาหรือหัวเสาทำเป็นรูปกรวยสีเขียวมาติดตามรั้วทำเนียบฯ ทั้ง 4 ทิศ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้เคล็ดที่เสื้อแดงเทเลือดไว้

พอยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ปรับภูมิทัศน์

อีกครา โดยเฉพาะการย้ายศาลพระภูมิ ศาลตายาย

O O O O

“ฤกษ์ยาม”…“ฮวงจุ้ย”…“ของขลัง” เหมือนเป็นของคู่กันสำหรับคนไทย ใครๆก็อยากเป็น…อยากเก่ง…อยากดังในเรื่องศาสตร์ฮวงจุ้ยกันทั้งนั้น เพราะแรงจูงใจสำคัญก็คือ…“รายได้”

กล่าวกันว่า เมื่อหลายปีล่วงมาแล้วสนนราคา อัตราค่าตัวซินแสในไทย ถ้าเป็นมือใหม่ยังไม่มี ชื่อเสียง หากไปรับดูบ้าน 1 หลัง เฉลี่ยค่าดูฮวงจุ้ย จะอยู่ที่ 1,000-5,000 บาท

ผิดกับ…ซินแสที่มีชื่อเสียง การดูฮวงจุ้ยจะอยู่ที่ตั้งแต่หลักหมื่นขึ้นไป และถ้าเป็นโครงการขนาดใหญ่ หรือกลุ่มบริษัทใหญ่ๆ อัตราที่ว่าจะเพิ่มอีกหลายเท่าตัว สูงถึงหลักแสน หลักล้านบาทขึ้นไปเลยทีเดียว

เชื่อไม่เชื่ออย่างไร หรือ…เชื่อมากน้อยแค่ไหนนั้น จงอย่าลืมว่า “ศาสตร์ฮวงจุ้ย” ก็เหมือนดาบสองคม…ที่มีทั้งด้านดี ด้านไม่ดี

ถ้าถูกใช้สำเร็จเกิดผลไปในด้านมืด ดีไม่ดี… อาจทำให้คุณบาดเจ็บ รับผลกระทบไปในทางไม่ดี ได้ไม่มากก็น้อย หรือไม่อย่างนั้นทั้งสองคมก็ทำให้คุณบาดเจ็บ…เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งหัวใจ แถมเสียเงินได้ทั้งขึ้น…ทั้งล่องได้อีกเช่นเดียวกัน

“ศรัทธา”…นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อ อย่างไร ขอโปรดอย่าได้…“ลบหลู่”.

รัก-ยม