สรุปเปรียบเทียบสายพันธุ์โอมิครอน จากตัวแม่มาถึง BA.1 BA.2 BA.2.2 และลูกผสม XE กับ XJ




จัดว่าเป็นเชื้อไวรัสโควิดที่กลายพันธุ์เร็วและแพร่กระจายมากที่สุดก็ว่าได้สำหรับโควิดโอมิครอน ที่ตอนนี้แตกออกเป็น 5 สายพันธุ์แล้ว แต่ละสายพันธุ์มีอาการและความรุนแรงเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร ประชาชนต้องเฝ้าระวังอย่างไรบ้าง เรารวมข้อมูลมาให้แล้ว

โอมิครอน สายพันธุ์ BA.1

ค้นพบครั้งแรกที่ทวีปแอฟริกาใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2564 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้เป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในระดับน่ากังวล มีรหัสไวรัสคือ BA.1 ปัจจุบันมีการระบาดลามไปในหลายประเทศทั่วโลกแล้วและมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะสามารถแพร่เชื้อและเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เบตา และเดลตา รวมทั้งยังมีแนวโน้มต้านประสิทธิภาพวัคซีนอีกด้วย คนที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มีโอกาสที่จะติดเชื้อซ้ำได้จากโควิดสายพันธุ์โอมิครอน

โอมิครอน สายพันธุ์ BA.2

ค้นพบเมื่อเดือนมกราคม 2565 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.2 แม้จะแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ BA.1 แต่ไม่พบความรุนแรงที่แตกต่าง หรือมากไปกว่าสายพันธุ์ BA.1 แต่อย่างใด

สิ่งที่น่ากังวลก็คือโอมิครอน สายพันธุ์ BA.2 แพร่เชื้อได้มากกว่าโอมิครอนตัวแม่ถึง 30% และยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนได้ดีมากขึ้นกว่าโอมิครอนตัวแม่ จนเป็นที่มาของฉายา ‘โอมิครอนล่องหน’ ทำให้ขณะนี้ โอมิครอน BA.2 กลายเป็นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์หลักที่ครองโลก พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดเกือบ 86% ของผู้ติดโควิด-19 ทั้งหมดทั่วโลก

โอมิครอน สายพันธุ์ BA.2.2

ค้นพบเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ที่ฮ่องกง ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของโอมิครอนเดิมที่ระบาดอย่างหนักในฮ่องกงจนพัฒนาเป็นสายพันธุ์ใหม่ เป็นสายพันธุ์ที่หลายคนกังวล เพราะมีผู้เสียชีวิตในฮ่องกงเพิ่มสูงขึ้น จนมีสถิติสูงสุดในโลก

แต่จากการที่พบผู้ป่วยสายพันธุ์ BA.2.2 ในไทย ไม่มีอาการรุนแรง และไม่พบผู้เสียชีวิตมากไปกว่าสายพันธุ์อื่นๆ รวมถึงการแพร่เชื้อก็ไม่รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง หรือหลีกหนีวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆ เหตุผลที่ทำให้สายพันธุ์ BA.2.2 ในไทยไม่ระบาดหนักเหมือนที่ฮ่องกง เป็นเพราะว่ามีสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 มาจับจองพื้นที่ระบาดไปก่อนแล้วนั่นเอง

โอมิครอน สายพันธุ์ XE

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเตือนเกี่ยวกับโอมิครอนลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ XE ที่ผสมกันระหว่างโอมิครอน  BA.1+BA.2 ว่าอาจเป็นเชื้อโควิด-19 ที่แพร่กระจายรวดเร็วที่สุด โดยถูกพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ขณะนี้มีคนติดเชื้อแล้วกว่า 600 ราย ขณะที่ฮ่องกงยืนยันพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน XE แล้ว 2 ราย และพบผู้ติดเชื้อที่ไทยแล้ว 1 ราย

สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ โอมิครอนสายพันธุ์ XE พัฒนาความสามารถด้านการแพร่เชื้อได้เร็วขึ้นกว่าสายพันธุ์ BA.2 ถึง 10% และแพร่ได้รวดเร็วกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.1) ถึง 43% จากนี้ไปต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสายพันธุ์ลูกผสม “XE” จะกลายเป็นคลื่นระลอกใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลก และเข้ามาแทนที่ BA.2 ได้หรือไม่

โอมิครอน สายพันธุ์ XJ

นอกจากสายพันธุ์ XE แล้ว ตอนนี้ยังมีโอมิครอน สายพันธุ์ XJ ซึ่งเป็นโควิดลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.1 และ BA.2 ซึ่งพบครั้งแรกที่ประเทศฟินแลนด์ และพบผู้ติดเชื้อในไทยแล้ว 1 ราย จุดเด่นคือมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน ส่วนความสามารถในการแพร่ระบาด ความรุนแรงของอาการในสายพันธุ์ XJ เมื่อดูจากรหัสพันธุกรรมบนจีโนมแล้ว ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านลงความเห็นว่าไม่น่าจะแตกต่างไปจากโอมิครอน สายพันธุ์ BA.1 และ BA.2

อาการโควิดโอมิครอนทั่วไป เป็นอย่างไร

โควิดโอมิครอนทั้ง 5 สายพันธุ์ที่พบนี้โดยทั่วไปแล้วมีอาการไม่ต่างกัน เว้นแต่ความสามารถในการแพร่เชื้อที่รวดเร็วแตกต่างกันไป จากการเก็บข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขไทย พบว่าใน 100 คน หากติดเชื้อโควิดโอมิครอน จะแสดงอาการดังต่อไปนี้

  • 54% มีอาการไอ
  • 37% มีอาการเจ็บคอ
  • 29% มีอาการมีไข้
  • 15% มีอาการปวดกล้ามเนื้อ
  • 12% มีอาการมีน้ำมูก
  • 10% มีอาการปวดศีรษะ
  • 5% มีอาการหายใจลำบาก
  • 2% มีอาการได้กลิ่นลดลง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาการในช่วงแรกที่ติดเชื้อจะไม่รุนแรง แต่ก็สามารถพัฒนาอาการรุนแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีโรคประจำตัว ดังนั้นจึงไม่ควรชะล่าใจ ยังต้องระมัดระวังป้องกันความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิดเช่นเดิม นั่นคือสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่แออัดหรือมีผู้คนจำนวนมาก เพราะโอมิครอนสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน และเว้นระยะห่าง

สำหรับผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดโอมิครอนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ดังนั้นการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงยังมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อ แต่ก็ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ข้อมูลอ้างอิง: WHO, กระทรวงสาธารณะสุข, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

Share

Recent Posts

New York City’s Sweetest Ice Cream Shops To Check Out

New York City is a haven for food lovers, and when it comes to ice… Read More

11 months ago

Explore Montenegro, The Hidden Gem of the Balkans

Montenegro, a hidden gem nestled in the Balkans, offers travelers a captivating experience with its… Read More

11 months ago

Spice Up Your Salad Game With These Tips To Make Salads More Exciting

Salads are a fantastic way to incorporate fresh and nutritious ingredients into our daily meals.… Read More

11 months ago

The Best Travel Destinations For Fitness Enthusiasts

  For fitness enthusiasts seeking to combine their love for travel and physical well-being, there… Read More

12 months ago

What To Do On Your First Visit To Edinburgh

Edinburgh, the capital city of Scotland, is a captivating destination that offers a perfect blend… Read More

12 months ago

Which Are The Consistently Most Popular Starbucks Drinks?

Starbucks has become a global phenomenon, captivating millions of coffee enthusiasts with its diverse menu… Read More

12 months ago