BMW ยังพัฒนาเครื่อง 6 สูบและ V8 สำหรับลูกค้าที่ไม่พร้อมใช้รถไฟฟ้าในอีก 5 ปีนี้




จากบทความการให้สัมภาษณ์ของ Frank Weber สมาชิกบอร์ดบริหาร BMW Group ที่พูดคุยกับนักข่าวของนิตยสารรถยนต์ชั้นนำ Auto Motor und Sport สื่อด้านยานยนต์ชื่อดังของเยอรมนี เกี่ยวกับขุมกำลังสันดาปภายใน โดยให้ความเห็นเกี่ยวกับอนาคตเครื่องยนต์สันดาปของ BMW ในขณะที่หลายๆ แบรนด์ผู้ผลิต เตรียมยกเลิกการวิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ เพื่อแทนที่ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แต่ BMW ยังมองเห็นความต้องการเครื่องยนต์ในบางตลาดที่ไม่มีปัจจัยในการรองรับยานยนต์พลังงานไฟฟ้า จนถึงเวลานี้ BMW Group ยังทำการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในเจเนอเรชันใหม่อย่างต่อเนื่อง รุ่นของเครื่องยนต์ที่มีการต่อยอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการลดมลพิษ ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ เทอร์โบ และเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ทวินเทอร์โบ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพด้านแรงบิด การลดมลพิษและอัตราสิ้นเปลือง เครื่องยนต์ทั้งสองแบบที่ประจำการอยู่ใน BMW โฉมปัจจุบันและจะมีต่อเนื่องไปในอนาคต (อีก 5 ปี)  เครื่องยนต์ทั้งสองแบบ วางอยู่ในแพลตฟอร์มรถยนต์แบบแยกส่วน ซึ่งสามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับรุ่น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด แบบใช้ไฟฟ้าล้วนๆ และแบบสันดาปภายในเพียวๆ

Frank Weber บอร์ดบริหาร BMW Group ที่รับผิดชอบด้านการพัฒนากล่าวว่า “เรายังต้องการเครื่องยนต์สันดาปที่ล้ำสมัยและเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอีกสองถึงสามปี และเพื่อลดการปล่อย CO2 ในรถยนต์นั่งที่ยังใช้เครื่องยนต์ ขุมกำลังรุ่นใหม่เหล่านี้ ต้องมีระบบลดมลพิษที่รุดหน้าและมีประสิทธิภาพในด้านแรงบิด แต่สุดท้าย มันก็จะกลายเป็นไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ดี” เขากล่าวต่อโดยเสริมว่า การออกแบบใหม่ในเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงและ V8 มีการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ สำหรับมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่กำลังจะมีขึ้น” และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากเครื่องยนต์หกสูบของ BMW รุ่นต่อไปนั้นยิ่งใหญ่กว่าการปรับปรุงในครั้งก่อนๆ

Frank Weber กล่าวถึงโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จยานยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกที่ยังมีไม่มากพอสำหรับบางพื้นที่ ในปี 2025 จะยังมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ เนื่องจากไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นคอยรองรับ หรือมี แต่ยังน้อยเกินไป รวมทั้งราคาของรถพลังงานไฟฟ้าที่ยังคงสูงยันเพดาน สถานีชาร์จไฟที่ไม่ครอบคลุม สิ่งนี้จะมีพัฒนาการด้วยความเร็วที่แตกต่างกันมากในแต่ละตลาดทั่วทุกมุมโลก แต่การเปลี่ยนแปลงระบบขับเคลื่อนให้เป็นไฟฟ้าทั้งหมด ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นเป้าหมายของบริษัทฯ เราจะไม่บังคับให้ลูกค้าของ BMW เลือกระบบขับเคลื่อน ระหว่างตัวเลือกแบบใหม่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กับแบบเก่าด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตามที่คาดการณ์ไว้ เป้าหมายของ BMW คือการนำเสนอยานยนต์ที่ยั่งยืนและสร้างสรรค์ โดยไม่คำนึงถึงประเภทของการขับขี่”

รายละเอียดเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความแตกต่างของการพัฒนา วิศวกรของ BMW จะโฟกัสไปที่เครื่องยนต์หกสูบเรียง เทอร์โบคู่ ความจุ 3.0 ลิตร รหัส B58 inline six และ N63 (อนุพันธ์เครื่อง M รหัส S63) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 ทวินเทอร์โบ ความจุ 4.0 ลิตร ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเครื่องยนต์ทั้งสองแบบจะถูกพัฒนาไปในทิศทางไหน แต่จากการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเยอรมันของผู้บริหาร Frank Weber ชี้ให้เห็นว่า BMW น่าจะใช้การออกแบบเครื่องใหม่หมดทั้งตัว เมื่อเทียบกับการอัปเกรดที่แทบจะไปจนสุดทางแล้ว การออกแบบบล็อกเครื่องและการสร้างฝาสูบใหม่ กับระบบอัดอากาศเทอร์โบไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง จะช่วยยกระดับการลดมลพิษที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เมื่อมองจากตัวเลขการปล่อยก๊าซคาร์บอนก่อนหน้านี้ BMW กำลังทำงานอย่างหนักกับเครื่องยนต์ V8 แบบใหม่ เพื่อแทนที่เครื่อง V8 รหัส N63 รุ่นเก่า ซึ่งถูกใช้งานมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2009 จนถึง 2019  BMW ไม่ได้กล่าวถึงอนาคตของเครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบ ปัจจุบัน เครื่องยนต์ของ BMW ประกอบด้วยเครื่องยนต์ B38 แบบสามสูบเทอร์โบ B48 แบบสี่สูบเทอร์โบ และ B58 แบบหกสูบเทอร์โบคู่ ที่ใช้ประจำการในรถ BMW รุ่นต่างๆ อยู่อีกเพียบ

ในระหว่างการสัมภาษณ์ Weber ให้รายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับ BMW 7 Series และ i7 ที่กำลังจะมีขึ้น พร้อมกับ M5 รุ่นต่อไปในอนาคต ซึ่งจะกลายเป็น M5 ไฟฟ้าแบบ M Electric รวมไปถึงแพลตฟอร์มใหม่ของรถยนต์ในอนาคตที่กลายเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด สำหรับ BMW 7 Series เจเนอเรชันถัดไป จะมีให้เลือกทั้งแบบใช้ไฟฟ้าล้วนและระบบขับเคลื่อนแบบสันดาปภายในที่แตกต่างไปจากรถคู่แข่ง อย่าง Mercedes-Benz S Class ซึ่งมีเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซินแบบ ปลั๊กอิน ไฮบริด โดยไม่มี S-Class ที่ใช้ไฟฟ้า 100% (แต่อย่าลืมว่า Mercedes นั้นมี EQS ที่วิ่งได้ไกลกว่า iX) สำหรับ M5 ในอนาคต มีแนวโน้มที่จะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด ที่คล้ายกับระบบขับเคลื่อนใน BMW XM โดยมีกำลังสูงสุดมากถึง 750 แรงม้า จากเครื่องยนต์เบนซิน V8 ทวินเทอร์โบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ eDrive ที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ Weber กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปสำหรับ BMW รุ่น 3 Series ที่ใช้ระบบไฟฟ้า 100% ส่วน i4 นั้น ใช้สถาปัตยกรรมโมดูลาร์แบบเดียวกับยานยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ

ปัจจุบัน BMW มีรถใหม่รุ่นต่างๆ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และยังจะมีต่อไปจนถึงปี 2025 Weber อธิบายว่า BMW เข้าใกล้การใช้พลังงานไฟฟ้าในเฟสที่สาม ส่วนเฟสแรก เราจะเห็นรถอย่าง i3 และ i8 ที่มีปริมาณการผลิตต่ำอย่างไม่เคยมีมาก่อนในยุคบุกเบิก เฟสที่สองกับ iX3 i4 และ iX ซึ่งเป็นการขยายไปสู่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เช่น 5 Series Electric, 7 Series Electric และ X1 Electric รวมกับแพลตฟอร์มยานยนต์ล้ำอนาคตอย่างแพลตฟอร์ม Neue Klasse ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและจะโผล่ออกมาในปี 2025 นี้.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/