แอปเปิล ชู M1 Ultra ชิปแห่งอนาคต




งานอีเวนต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ “แอปเปิล” เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ชิป M1 Ultra ถูกแนะนำว่าเป็นก้าวกระโดดสำคัญซึ่งจะเป็นทิศทางอนาคตของชิปคอมพิวเตอร์ ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก

เทคโนโลยีดังกล่าวถูกเรียกว่า Ultra Fusion เป็นสถาปัตยกรรมที่นำเอาชิป M1 Max 2 ตัว รวมเป็นหนึ่ง System on Chip (SoC) ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ 1.14 แสนล้านตัว มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชิปคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มาพร้อม CPU แบบ 20-Core GPU แบบ 64-Core แบนด์วิดท์ความหน่วงต่ำระหว่างโปรเซสเซอร์ที่สูงถึง 2.5 TB/วินาที สามารถปรับแต่งหน่วยความจำ แบบรวมได้สูงสุด 128 GB

Neural Engine แบบ 32-Core ในชิป M1 Ultra ประมวลผลได้สูงสุด 22 ล้านล้านรายการต่อวินาที มาพร้อมมีเดียเอนจินที่มีความสามารถเหนือกว่าชิป M1 Max ถึง 2 เท่า สำหรับมือโปรแล้วสามารถแปลงวิดีโอเป็น ProRes ได้เร็วสูงสุด 5.6 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac Pro เล่นวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 8K ได้สูงสุดถึง 18 สตรีม

ด้วยการเป็นชิปทรงพลังที่สุด แต่ด้วยการออกแบบ CPU แบบ 20-Core-16 Core รีดประสิทธิภาพสูงสุด อีก 4-Core ประหยัดพลังงาน หากจะเทียบการทำงานกับคอมพิวเตอร์ พีซี แบบ 16-Core ที่เร็วที่สุดที่จำหน่ายในตลาด จะมีความเร็วกว่า 90% ในกรณีที่ใช้พลังงานเท่ากัน และใช้พลังงานน้อยกว่า 100 วัตต์หากเทียบกับประสิทธิภาพระดับสูงสุดของชิปพีซี ส่วนการประมวลผลกราฟิก มีประสิทธิภาพเร็วยิ่งกว่าระดับสูงสุดในพีซีแต่กินพลังงานน้อยกว่า 200 วัตต์

สำหรับ Mac Studio ใหม่ มีให้ผู้ใช้เลือกชิปได้ M1 Max และ M1 Ultra เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบใหม่แบบกะทัดรัด พร้อมกับคู่หูใหม่จอ Studio Display จอ Retina 5K ขนาดใหญ่ 27 นิ้ว สำหรับชิป M1 Max CPU เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 2.5 เท่า กราฟิกเร็วกว่า 3.4 เท่า ส่วนชิป M1 Ultra CPU เร็วกว่า iMac สูงสุด 3.8 เท่า กราฟิกเร็วกว่า สูงสุด 4.5 เท่า

แอปเปิลตั้งราคาจำหน่าย Mac Studio ชิป M1 Max เริ่มต้นที่ 69,900 บาท และชิป M1 Ultra เริ่มต้นที่ 139,900 บาท ส่วนจอ Studio Display เริ่มต้นที่ 54,900 บาท

ส่วน iPad Air ใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 เจาะกลุ่มผู้ใช้นักเรียน นักศึกษา ที่เครื่องเดียวสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้สบายๆ แม้การออกแบบหน้าตาเดิมๆ ขนาด 10.9 นิ้ว แต่ใช้ชิป M1 เร็วกว่ารุ่นที่ 4 ถึง 60% กราฟิกเร็วกว่า 2 เท่า ตัดต่อวิดีโอระดับ 4K หลายสตรีม ไปจนถึงการเล่นเกมที่เน้นกราฟิกหนักๆ กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล เลนส์อัลตราไวด์ ฟีเจอร์ Center Stage หรือ จัดให้อยู่ตรงกลาง รองรับเครือข่าย 5G และ Apple Pencil 2 ราคาเริ่มต้นที่ 20,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi

ขณะที่ iPhone SE ใหม่ รุ่นที่ 3 เป็นไอโฟนรุ่นเล็กสุดแต่ไม่ธรรมดา กับจอที่เป็นเอกลักษณ์ขนาด 4.7 นิ้ว พร้อมปุ่มโฮมและ Touch ID ทรงพลังด้วยชิป A15 Bionic กล้องไวด์ 12 ล้านพิกเซล รองรับเครือข่าย 5G ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท

และสุดท้าย iPhone 13 แนะนำสีเขียวใหม่ iPhone 13 จอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 13 mini จอ 5.4 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 ส่วน iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ iPhone 13 Pro จอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 13 Pro Max จอ 6.7 นิ้ว สีเขียวอัลไพน์ใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 38,900 บาท และ 42,900 บาท ตามลำดับ

สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 15.4 ซึ่งจะมีการเปิดให้อัปเดตในวันสองวันนี้ให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้ มีฟีเจอร์สำคัญที่รอคอยกันก็คือการปลดล็อกโทรศัพท์ด้วย Face ID แม้จะสวมใส่หน้ากากอนามัย.