“You Are What You Eat” เชื่อว่าทุกๆ คนคงเคยได้ยินประโยคสุดคลาสสิกนี้ ที่เอาไว้เตือนใจให้หันกลับมาใส่ใจการเลือกรับประทานอาหารมากขึ้น เพราะอาหารที่เราเลือกรับประทานในแต่ละวันนั้นมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพองค์รวมอย่างคาดไม่ถึง นอกจากจะเป็นขุมพลังงานให้กับร่างกายได้ไปทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงแล้ว อาหารยังเปรียบเสมือนยาที่มีส่วนช่วยดูแลรักษาอวัยวะต่างๆ ของเราให้มีสุขภาพที่ดีได้เหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น อาหารจะยิ่งมีส่วนสำคัญมากขึ้น หากบุคคลนั้นมีโรคประจำตัวเรื้อรังที่จะต้องดูแล ดังนั้น โภชนาการที่ดีก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูร่างกาย ชะลอความเสื่อมของอวัยวะภายใน และรักษาป้องกันไม่ให้อาการของโรคแย่ลงได้ แต่ในทางกลับกัน หากตามใจปากมากเกินไป เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการหรือไม่เหมาะกับโรคประจำตัวที่เราเป็นอยู่ ก็อาจทำให้อาการของโรคที่เป็นนั้นมากขึ้นและบั่นทอนสุขภาพให้แย่ลงได้
อาหารที่เหมาะกับกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรระมัดระวังเรื่องชนิดของอาหารที่มีคุณภาพ และควบคุมปริมาณการรับประทานให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ร่างกายรับน้ำตาลในปริมาณสูงเกินไป โดยเน้นไปที่อาหารที่ไม่หวานและช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เช่น คาร์โบไฮเดรตที่ดีและมีค่า Glycemic Index (GI) ต่ำ อาหารที่มีใยอาหารสูงเพื่อช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ผักสด โปรตีนที่มีคุณภาพ ผลไม้ไม่หวานจัด โดยคำนวณปริมาณน้ำตาลจากผลไม้ให้พอเหมาะ
หากต้องการเติมความหวานบ้าง แนะนำให้ใช้น้ำตาลเทียมในปริมาณที่พอเหมาะเพราะไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว อาหารที่มีน้ำตาลเยอะ หรือมีรสชาติหวานจัด ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรับประทานอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสมและครบ 5 หมู่อย่างสมดุล ไม่ควรงดหรือจำกัดอาหารประเภทข้าว/แป้งมากจนเกินไป หรืออดอาหาร เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้
ประเภทอาหารที่แนะนำ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
ประเภทอาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง หรือห้ามรับประทาน
เมนูอาหารที่แนะนำ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ปริมาณเกลือและชนิดของไขมันมีส่วนสำคัญต่อโรคมาก เพราะส่งผลต่อระบบเลือดทั้งระบบ ดังนั้น นอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารเค็มโดยไม่ควรรับประทานเกลือมากกว่า 1 ช้อนชาต่อวันแล้ว ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ ทานโปรตีนคุณภาพดีอย่างพอเหมาะ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและ trans fat สูง
เนื่องจากจะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และอาจเป็นสาเหตุทำให้อาการของโรคหัวใจแย่ลงได้ แต่หากต้องการรับประทาน สมาคมโรคหัวใจประเทศสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า ควรรับประทานไขมันอิ่มตัวน้อยกว่า 6% ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน เพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงควรปรุงอาหารโดยการต้ม นึ่ง อบ หรือผัดได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงการทอดจะดีที่สุด
ประเภทอาหารที่แนะนำ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ
ประเภทอาหารที่ผู้ป่วยโรคหัวใจควรหลีกเลี่ยง หรือห้ามรับประทาน
เมนูอาหารแนะนำ สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
เมนูอาหารที่มีส่วนผสมของโปรตีนคุณภาพดี มีคอเลสเตอรอลต่ำ หรือเนื้อแดงในปริมาณที่พอเหมาะ และมีรสจืด เช่น ข้าวต้มธัญพืชกุ้ง ข้าวกล้องกับคั่วกลิ้งทูน่าไข่ต้ม สเต๊กปลากะพงย่างราดซอสฉู่ฉี่ ไก่ผัดพริกหยวก
หัวใจสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคไต คือ การลดเค็ม จึงต้องมีการจำกัดการรับโซเดียมให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนั้นแล้ว โรคไตยังมีความเฉพาะเจาะจงของการกำหนดสารอาหารในการรับประทานต่อวัน เช่น โปรตีน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และแร่ธาตุต่างๆ ตามระยะของโรคที่เป็นมากกว่าโรคทั่วไป
ดังนั้น การควบคุมอาหารอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของโรค และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีไตเสื่อมอยู่ในระยะ 3 เป็นต้นไปแล้วก็ตาม จะช่วยดูแลและชะลอความเสื่อมของไตได้
อาหารที่คนเป็นโรคไตห้ามรับประทานมีอะไรบ้าง หลักการเลือกอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต มีดังนี้
โซเดียม
การลดเค็มคือหลักการสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคไต แนะนำว่าควรรับประทานเกลือน้อยกว่า หรือเท่ากับ 1 ช้อนชาต่อวัน หรือโซเดียมน้อยกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ลดการเติมเครื่องปรุง เช่น น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม เกลือ ผงชูรส ลงไปในอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป (processed meat) เช่น ไส้กรอก เบคอน กุนเชียง แหนม หมูยอ เพราะมีเกลือและไขมันสูง หลีกเลี่ยงเบเกอรี่ ขนมอบ เนื่องจากมีการใส่ผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาในการทำขนมซึ่งมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ รวมถึงอาหารแช่แข็ง ของหมักดอง ขนมกรุบกรอบ ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ
โปรตีน
ควรเลือกโปรตีนคุณภาพดี เช่น ไข่ขาว เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น เนื้อปลา อกไก่ สันในไก่ สันในหมู ในปริมาณที่เหมาะสมกับระยะของโรค โดยปริมาณโปรตีนในหนึ่งวันที่ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับในแต่ระยะของโรคนั้น มีดังนี้
ฟอสฟอรัส*
ผู้ป่วยที่มีไตเสื่อมในระยะ 3 ขึ้นไป จะมีการขับฟอสฟอรัสได้น้อยลง ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีไตเสื่อมในระยะที่ 3 ขึ้นไปหรือมีระดับฟอสฟอรัสในเลือดสูง จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น อาหารจำพวกนม โยเกิร์ต นมถั่วเหลือง ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ปลากรอบ เต้าหู้ ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และธัญพืชต่างๆ เช่น งาขาว งาดำ เมล็ดฟักทอง รวมถึงถั่วต่างๆ น้ำอัดลมสีเข้ม น้ำแร่ ขนมปัง ไอศกรีม
แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสต่ำได้ เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว วุ้นเส้น เส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ ไข่ขาว เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน น้ำขิง น้ำมะนาวโซดา ในสัดส่วนที่เหมาะสม
โพแทสเซียม*
ผู้ป่วยที่มีไตเสื่อมในระยะที่ 3 ขึ้นไป จะมีการขับโพแทสเซียมได้น้อยลง ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีไตเสื่อมในระยะที่ 3 ขึ้นไปหรือมีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น อาหารจำพวกผักสีเข้ม เช่น บรอกโคลี คะน้า หัวปลี กะหล่ำดอก แครอต
ในส่วนของผลไม้ เช่น ส้ม ทุเรียน แตงโม มะละกอ แก้วมังกร ฝรั่ง ขนุน แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมต่ำ จำพวกผัก เช่น กะหล่ำปลี ยอดมะระ ผักกาดขาว ผักบุ้ง มะเขือยาว ผลไม้ เช่น เงาะ มังคุด สับปะรด แอปเปิ้ล ในสัดส่วนที่เหมาะสม
ไขมัน
แนะนำให้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก เนื้อปลาทะเล หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว เนย กะทิ เครื่องในสัตว์ หมูสามชั้น
เมนูอาหารแนะนำ
เมนูอาหารที่มีส่วนผสมของโปรตีนคุณภาพดี และมีรสจืด เช่น ข้าวต้มไก่ ไก่ผัดพริกหยวก ต้มข่าเห็ด ยำวุ้นเส้น สเต๊กปลากะพง สลัดเปรี้ยวหวาน ผัดยอดมะระหมูสับ ต้มจืดผักกาดขาววุ้นเส้น เป็นต้น
*อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโรคไตนั้นมีความจำเพาะของโรคมาก ดังนั้น หากท่านอยากทราบสารอาหารที่เหมาะสมกับระยะของโรคไตที่ท่านกำลังเป็นอยู่ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคไตโดยตรงจะดีที่สุด
สำหรับคนที่ไม่มีโรคประจำตัว สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ โดยแนะนำว่าให้ใช้หลักการ Plate Method นั่นก็คือ การแบ่งอาหารในจานเป็นส่วนๆ
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป (processed meat) เช่น ไส้กรอก เบคอน โบโลน่า แหนม หมูยอ หากมีอาการโหยหรืออยากเคี้ยวของจุบจิบระหว่างวัน สามารถรับประทานถั่วเป็นอาหารว่างได้ เช่น ถั่วอัลมอนด์ ถั่วพิสตาชิโอ โดยรับประทานได้วันละประมาณ 1 ฝ่ามือ แบ่งทาน 1-2 ครั้ง ไม่ควรรับประทานมากกว่านี้ เพราะถึงแม้ว่าถั่วจะประกอบไปด้วยไขมันดีแต่ก็ให้พลังงานสูง หากรับประทานในปริมาณมากเกินกว่าที่แนะนำก็อาจทำให้อ้วนได้
โดยทั่วไปแล้ว การดูแลสุขภาพตัวเองเบื้องต้น นอกจากการใส่ใจในเรื่องของอาหารที่เป็นประโยชน์ ถูกหลักโภชนาการ ครบ 5 หมู่ ยังต้องคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า ผู้ที่มีโรคประจำตัวมักต้องการการดูแลด้านอาหารที่ละเอียดอ่อนและพิเศษกว่าบุคคลทั่วไป เพราะด้วยตัวโรคทำให้อวัยวะภายในบางส่วนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ จึงต้องมีความเข้าใจและใส่ใจในพฤติกรรมการเลือกและจัดเตรียมอาหารมากเป็นพิเศษ การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันการกำเริบของโรค และได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เมื่อใส่ใจดูแลเรื่องอาหารที่รับประทานแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายเบาๆ อย่างพอเหมาะ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันและเสริมสร้างสุขภาพองค์รวมให้แข็งแรง
หากสนใจเรื่องการรับประทานอาหารที่เหมาะกับโรคและถูกหลักโภชนาการ ทาง “อิ่ม by BDMS” มีเมนูอาหารแสนอร่อย ที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิพถันและคิดค้นอย่างใส่ใจโดยแพทย์และนักโภชนาการ จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับประทานอาหารที่ทั้งอร่อยและดีแต่สุขภาพอย่างแน่นอน หากสนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ คลิกที่นี่
บทความโดย : นพ. อาทิตย์ วีระเบญจพล อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม รพ.สมิติเวช สุขุมวิท
New York City is a haven for food lovers, and when it comes to ice… Read More
Montenegro, a hidden gem nestled in the Balkans, offers travelers a captivating experience with its… Read More
Salads are a fantastic way to incorporate fresh and nutritious ingredients into our daily meals.… Read More
For fitness enthusiasts seeking to combine their love for travel and physical well-being, there… Read More
Edinburgh, the capital city of Scotland, is a captivating destination that offers a perfect blend… Read More
Starbucks has become a global phenomenon, captivating millions of coffee enthusiasts with its diverse menu… Read More