สัมผัสแรก ล่องภาคใต้ ทดสอบ HYUNDAI CRETA SEL




Creta ชื่อรุ่นของรถยนต์อเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ประกอบในอินโดนีเซียของ Hyundai ซึ่งเล็งเห็นอนาคตของยอดขายเอสยูวีไซส์กะทัดรัดในไทยที่กำลังไปได้ดี โดยมีเจ้าตลาดอย่าง Honda HR-V / Toyota Corolla Cross / MG ZS / Mazda CX-3 CX30 / Nissan Kicks / Toyota C-HR / Haval Joilon / Peugeot 2008 / Subaru XV เป็นคู่แข่งร่วมกลุ่มที่มีทุกอย่างเท่าที่คุณต้องการ Creta มาพร้อมกับความสดใหม่ และค่าตัวที่พอจะรับกันได้ ราคา 999,000 ของ Creta รุ่น SEL ต่ำกว่าแชมป์อย่าง HR-V เล็กน้อย โดยมีรูปแบบของตัวรถและงานตกแต่งภายในที่แตกต่างออกไปจากรถญี่ปุ่น จุดเด่นของ Creta ก็คือ ความสามารถในด้านของการขับเคลื่อน เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1.5 ลิตร ระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมการใช้งาน กับเรือนร่างที่แปลกตาของรถยนต์จากเกาหลีใต้ Hyundai Creta เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเปิดตัวกันสดๆ ร้อนๆ หลังจากโรงงาน Hyundai ในอินโดนีเซียมีความพร้อมสูงสุดในการส่งมอบรถให้กับ Hyundai Thailand สำหรับครอสโอเวอร์อย่าง Creta ที่ทำตลาดและได้รับความนิยมเป็นอย่างดีในหลายๆ ประเทศทั่วโลก Creta ที่เปิดตัวในประเทศไทยนี้เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประกอบในโรงงาน Hyundai แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย

HYUNDAI CRETA 1.5 A/T SE ราคา 949,000 บาท

HYUNDAI CRETA 1.5 A/T SEL ราคา 999,000 บาท

Creta พัฒนาระบบขับเคลื่อนที่เน้นความประหยัด เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ iVT (CVT)  ส่วนงานออกแบบมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และดูแปลกตาไม่เหมือนใคร จากด้านหน้าของรถที่ใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้าที่ย้ายมาอยู่บริเวณมุมของกันชนหน้า เส้นหลังคาและเสา C แตกต่างไปจากครอสโอเวอร์ของญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด กระจังหน้า Parametric Jewel Radiator Grille ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights ออกแบบให้ดูกลมกลืนไปกับแผงกระจังหน้าที่มีลักษณะคล้ายกับเกล็ดปลา ไฟ LED ที่เป็นไฟหรี่กลางวัน จะเรืองแสงสีขาวเพื่อทำให้สังเกตได้ง่าย ไฟหน้า LED แบบมัลติรีเฟคเตอร์ ไฟหน้าระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟท้ายและไฟเบรก LED ไฟเบรกดวงที่สาม LED หลังคากระจก Panorama เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เสาอากาศครีบฉลาม ฝาท้ายไม่มีระบบไฟฟ้า ใช้มือยก-เปิด-ปิดเอาเอง ไฟเลี้ยวอยู่ใต้ไฟหน้าที่ดูแปลกตา เนื่องจากตำแหน่งของไฟหน้ากลายเป็นไฟหรี่กลางวัน พลาสติกสีเงินยวง ครอบทับส่วนนอกของชุดกระจังหน้า ช่องรับอากาศบริเวณใต้กรอบแผ่นป้ายทะเบียน ฝากระโปรงหน้ายกสันนูนตามสมัยนิยมเพื่อทำให้รูปทรงเชื่อมโยงกับไฟหน้าและแก้มข้าง กระจกหน้ารถแบบเปิดกว้างเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย ส่วนไฟท้ายออกแบบให้มีลักษณะเหมือนบูมเมอแรง

ด้านข้างจะสังเกตเห็นเสาหน้าที่ค่อนข้างตั้งชันมากกว่ารถคู่แข่ง กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวที่ออกแบบรูปทรงเชื่อมโยงกับไฟท้ายแบบบูมเมอแรง ด้านข้างจากแนวของเสาหน้าไล่ไปจนถึงเสาท้ายใช้สีเงินตัดกับตัวถังสีแดง มือจับที่เปิดบานประตูโครเมี่ยม ขอบซุ้มล้อติดตั้งพลาสติกกันกระแทกสีดำสไตล์เอสยูวี ล้ออัลลอย Diamond cut ขนาด 17 นิ้ว ยาง kumho solus HS63 ไซล์ 215/60/R17 96H ฝาถังเชื้อเพลิงทรงกลม มิติตัวถังของ Hyundai Creta SEL มีขนาดความยาว 4,315 มิลลิเมตร กว้าง 1,790 มิลลิเมตร สูง 1,630 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 200 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,572 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,576 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,150 กิโลกรัม ความจุถังเชื้อเพลิง 40 ลิตร  

บั้นท้ายดูกลมๆ จากการออกแบบทรงด้านข้างและรูปแบบของไฟท้าย สัดส่วนของกระจกบานฝาท้ายที่โค้งและกินพื้นที่ไปจนถึงขอบของเสาท้ายเป็นอีกจุดที่ Hyundai ออกแบบได้ดี ไฟท้ายทรงบูมเมอแรงที่แตกต่างไปจากไฟท้ายของรถคู่แข่งและมีรูปแบบเฉพาะตัว ดีไซน์สวยงามใช้ได้แต่ดูเล็กไปนิดและไม่มีเส้นเชื่อมระหว่างตำแหน่งไฟท้ายทั้งสองข้าง ขอบของฝาท้ายด้วยเสริมมุมมองให้บั้นท้ายของ Creta เฉียบคมขึ้นมาอีกนิด ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยมือ ไม่มีระบบฝาท้ายไฟฟ้าซึ่งน่าเสียดายอยู่เหมือนกันเพราะถ้าให้ฝาท้ายไฟฟ้ามาจะครบกว่านี้มาก 

งานตกแต่งภายในของ Creta SEL เรียบง่ายและอุดมไปด้ยพลาสติก จอภาพมอนิเตอร์กลางและแดชบอร์ดคอนโซลดูโบราณไปนิดแต่ใช้งานได้จริง เบาะคู่หน้าปรับด้วยมือ หุ้มหนังสังเคราะห์นั่งสบายพอได้ แต่จุดที่เบาะต้องรองรับต้นขาสั้นเกินไป ตำแหน่งของเบาะที่ต้องรองรับแผ่นหลังทำออกมาได้ดีแต่มีขอบด้านข้างตัวเบาะที่อาจทำให้คนอ้วนรู้สึกอึดอัด เบาะหนังสีดำสวยงามใช้ได้ ส่วนพื้นที่ของเบาะคู่หน้า ทั้งคนขับและผู้โดยสารมีพื้นที่พอเพียงทั้งพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางเท้าของผู้โดยสารตอนหน้า เบาะหลังแบบสามที่ นั่งจริงสองที่จะสบายตัวกว่า เบาะหลังปรับพับได้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการขนสัมภาระขนาดใหญ่ จุดที่กลายเป็นตำแหน่งสำคัญก็คือกระจกหลังคา Panoramic Roof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เปิดแล้วช่วยทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง บริเวณด้านหน้าแผงหน้าปัดแนวยาวเชื่อมต่อไปกับแผงด้านข้างประตู ออกแบบเสมือนปีกที่โค้งรับ บริเวณแผงด้านหน้าติดตั้งหน้าจอภาพมอนิเตอร์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple Car Display ทั้งแบบเสียบสายและไร้สายซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันการใช้งาน ฝาครอบลำโพงออกแบบพิเศษ ขอบโลหะหุ้มบริเวณหัวเกียร์ เส้นไฟเรืองแสงภายในห้องโดยสาร 

พวงมาลัยสี่ก้านหน้าตาคล้ายกับพวงมาลัยใน Audi A7 Sportback ?? ก้านวงมีปุ่มปรับตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์และระบบปรับตั้งระดับความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ซุ้มเกียร์ฺกับคันเกียร์หน้าตาประหลาด ที่วางแก้วน้ำเรืองแสงสองตำแหน่ง ปุ่มปรับโหมดทรงกลม หน้าจอแสดงผลมาตรวัดความละเอียดสูง LCD ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอมอนิเตอร์กลางระบบเครื่องเสียงขนาด 8 นิ้ว รองรับไฟล์ MP3 apple carplay / android auto แบบไร้สาย ช่อง USB สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ในระบบมัลติมีเดีย ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ปุ่มส่งงานด้วยเสียง ลำโพง 6 ตำแหน่ง พวงมาลัยปรับได้สี่ทิศทาง ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมไฟเรืองแสง ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ผ่านรีโมต ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ปุ่มเลือกโหมดการขับ ECO Fomfort Sport Smart ปุ่มปรับโหมดการขับขี่เฉพาะสภาพถนน Snow Sand Mud เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ไฟเรืองแสงบริเวณที่วางแก้ว ไฟส่องสว่างสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ ระบบควบคุมอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ช่องจ่ายไฟสำรอง 12v ช่อง USB ที่พักแขนบริเวณคอนโซลกลาง ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่วางแขนสำหรับผู้โดยสารตอนหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ

ระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์เบนซิน 4 กระบอกสูบ วางตามขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุ 1.5 ลิตร 1,497 ซีซี ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC D CVVT 4 วาล์วต่อสูบ (16 วาล์ว) ความกว้างกระบอกสูบ 75.6 มิลลิเมตร ระยะชัก 83.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 เชื้อเพลิงเบนซิน E10 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง MPI multi point injection กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 144 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที มาตรฐานมลพิษ EURO-4 ระบบเกียร์ CVT แปรผัน (IVT) ช่วงล่างด้านหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท สปริงโช้คอัพและกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม ระบบเบรกใช้ดิสเบรกทั้งสี่ล้อ โหมดการขับขี่ให้เลือก 4 แบบ คือ อีโค Eco, คอมฟอร์ท Comfort, สปอร์ต Sport และสมาร์ท Smart พร้อมปุ่มปรับการขับขี่เฉพาะสภาพถนนหิมะ ทรายหรือโคลน

ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense 

· ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ

· ระบบเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา

· ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน

· ระบบกล้องมองหลังแสดงภาพขณะถอยจอด

· ระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ

· ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ

· ระบบเตือนการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งผ่านด้านข้าง

· ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้า

· ระบบช่วยจำกัดความเร็ว

· ระบบเตือนให้เช็คผู้โดยสารด้านหลัง

. ระบบเบรก ABS

. ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC

.ระบบควบคุมการทรงตัว

.ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน

.ระบบแจ้งความดันลมยางอัตโนมัติ

.ถุงลมนิรภัยจำนวน 6 ตำแหน่ง

เส้นทาง นครศรีธรรมราช – พัทลุง – หาดใหญ่ สงขลาบนรถ Hyundai Creta SEL สีแดง Dregon Red Pearl ผมเริ่มต้นการขับทดสอบรถอเนกประสงค์ไซล์เล็กของ Hyundai จากเมืองนครศรีธรรมราชมุ่งหน้าไปยังอำเภอขนอม เจ้า Creta SEL รุ่นสูงสุด ราคา เฉียดๆ 1 ล้าน เป็นรถที่มีขนาดเล็ก แต่ออกแบบห้องโดยสารได้ดี ทำให้ขนาดที่เล็กนั้นกลับไม่สร้างความอึดอัดให้กับการเดินทางระยะไกลกว่า 300 กิโลเมตรในช่วงทดสอบวันแรกของทริป สัมผัสของ Creta ในเรื่องของระบบรองรับที่ทำออกมาได้ดี ใกล้เคียงกับช่วงล่างของ Toyota C-HR แม้จะใช้ช่วงล่างหลังแบบทอร์ชันบีม แต่ช่วงล่างหลังคานแข็งในรถกิมจิ ถูกปรับมาให้สอดรับกับสภาพเส้นทางเลียบเลาะชายทะเลของเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเต็มไปด้วยทางตรงยาวและทางโค้งขึ้นลงเนินเขา ช่วงล่างดีใกล้เคียงกับ C-HR ส่วนหนึ่งเกิดจากแก้มยางที่สูงกว่ารถคู่แข่ง ยางแก้มสูงเหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายของเส้นทางในหัวเมืองภาคใต้ ทางที่มีทั้งลาดยางและทางปูนซีเมนท์ Creta นั้นคล่องตัวพอสมควรแต่ไม่จิ้ดเท่ารถคู่แข่งอย่าง Kicks หลังคาทรงเดียวกันกับเจ้า Kicks ที่ทำให้รู้สึกแปลกใจ แต่การขับนั้นแตกต่างกัน Kicks มีพวงมาลัยที่กระฉับกระเฉงมากกว่าเล็กน้อย ช่วงล่างคมกว่า แต่ Creta เซ็ตช่วงล่างให้ออกมาในแบบสบายๆ ซึมซับแรงสะเทือนที่เกิดจากผิวถนนไม่เรียบได้ดีพอสมควร การเก็บเสียงก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน วิ่ง 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ยังเงียบใช้ได้ เร่งขึ้นไปที่ 110 -120 เริ่มมีเสียงยางและเสียงลมลอดเข้ามาให้ได้ยินกันแล้ว… 

เส้นทางขึ้นลงเนินสูงชันบนถนนเลียบชายทะเลเขาพลายดำสวยงามน่าขับรถเล่น เป็นถนนที่ใช้ทดสอบแรงฉุดลากหรือแรงบิดจากเครื่องยนต์ เพราะมีบางจังหวะต้องกดคันเร่งส่งรถให้พุ่งขึ้นไปบนเนินชัน ความสามารถของเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 1.5 ลิตร ไม่มีระบบอัดอากาศ เครื่องยนต์ทำงานราบเรียบใช้ได้ เดินเบานิ่งและมีเสียงการทำงานไม่ดังมากนัก การเร่งแซงต้องกะระยะเผื่อด้านความปลอดภัยกะนพอสมควรเนื่องจากเรี่ยวแรง 115 แรงม้า ไม่ได้มากมายอะไร ระยะแซงจึงต้องเผื่อเอาไว้เพื่อความปลอดภัย เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีต่อการเร่งความเร็ว แรงบิด 144 นิวตันเมตร พอเพียงที่จะตะกายไต่เนินชันขึ้นไปบนเส้นทางภูเขาได้แต่อาจเหนื่อยกว่ารถคู่แข่งที่มีเครื่องทรงพลังมากกว่า เกียร์ iVT หรือ CVT แบบแปรผัน พยายามทดกำลังและถ่ายเทออกมาเป็นแรงบิดลงล้อคู่หน้า การตัดต่อของเกียร์มีความเนียนใช้ได้ เกียร์ CVT แปรผันอัตราทดมีความนวลเนียนขณะทดกำลังและช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง รวมถึงมีต้นทุนการผลิตที่ไม่แพงมากนัก จุดจอดพักบนเนินเขาพลายดำกลายเป็นจุดแวะพักและบันทึกภาพ นับว่าเป็นถนนที่มีวิวที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เส้นทางยังเปิดโอกาสให้ได้ทดลองการควบคุมพวงมาลัย อัตราเร่ง การทำงานของชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าและการรองรับแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่างที่เจ้า Creta คายพิษสงการวิ่งของมันออกมาอย่างหมดเปลือก 

ช่วงเย็นเมื่อขับเข้าเขตจังหวัดพัทลุง บนถนนสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่าสะพานเอกชัยหรือสะพานไประโนด ซึ่งทอดยาวข้ามทะเลน้อยซึ่งเป็นทะเลสาบที่ต่อเชื่อมกับคลองและทะเลสาบสงขลา มีความยาว 14 กิโลเมตร นับเป็นสะพานที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย เพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดพัทลุง เป็นหนึ่งในสองจังหวัดที่ไม่มีพื้นที่ติดทะเลในหัวเมืองภาคใต้ รวมระยะทางการทดสอบในวันแรกกว่า 299 กิโลเมตร พวงมาลัยไฟฟ้าของ Creta ทำหน้าที่ในการบังคับทิศทางใช้ได้ ในย่านความเร็วสูงก็มีการแปรผันอัตราทดน้ำหนักให้หน่วงมือมากขึ้นอีกนิด การใช้โหมดสปอร์ตขับเคลื่อนแบบคาราวานไม่มีโอกาสได้ทดสอบประสิทธิภาพของรถในย่านความเร็วสูง ผมเลยไม่รู้ว่าเมื่อความเร็วทะลุเกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจ้า Creta จะมีอาการเป็นยังไงบ้าง ในย่าน 120 -130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวงมาลัยยังให้ความมั่นใจได้ดี ไม่ได้แม่นยำและมีน้ำหนักดีเท่า C-HR แต่ก็ถือว่าทำออกมาพอใช้ได้ อย่างที่บอกว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ไม่ได้มีเรี่ยวแรงอะไรมากนัก ใช้ขับไปเรื่อยๆ เดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวหรือใช้งานประจำวันมากกว่าจะเอามาซัดกันเร็วๆ ในย่านความเร็วสูง ซึ่ง C-HR ถือเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ในกลุ่มนี้ที่มีพวงมาลัยดีสุด 

วันที่สองของการทดสอบ ออกจากที่พักริมทะเลน้อยในจังหวัดพัทลุงไปยังจังหวัดสงขลาแถวเกาะยอและตัวเมืองหาดใหญ่ เส้นทางผ่านเมือง ทดสอบการใช้งานในชีวิตประจำวัน แวะแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นแหล่งการค้าเก่าแก่ของหาดใหญ่ คือที่ถนนนครนอก นครในและถนนนางงาม ถนนสายโบราณอายุกว่า 200 ปี ซึ่งเคยเป็นแหล่งขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เช่น โรงสีหับ โห้ หิ้น ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับถนนเส้นนี้ให้เป็นสตรีทอาร์ท การขับใช้งานในเมืองที่ไม่ได้ใช้ความเร็ว Hyundai Creta SEL เป็นรถที่คล่องแคล่วใช้ได้ มุดไปมาบนเส้นทางคับแคบได้ดี ถอยจอดมีกล้องมองหลังที่คมชัด พวงมาลัยในย่านความเร็วต่ำเบาสบายมือ และมีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่ดัง (ถ้าไม่กดคันเร่งจนสุด) หลังจากผ่านการขับทดสอบสองวันบนถนนที่หลากหลายของนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลาและไปจบที่หาดใหญ่  เจ้า Hyundai Creta SEL ราคา 999,000 บาท เป็นครอสโอเวอร์ที่มีความสามารถอยู่ในระดับกลางๆ อัตราสิ้นเปลืองทำได้ 12.9 กิโลเมตรต่อลิตร ทรงตัวดีในย่านความเร็วเดินทางและมีช่วงล่างที่นั่งได้สบายตัวเนื่องจากยางแก้มสูง เครื่องยนต์มีกำลังไม่มาก อาศัยไหลไปเรื่อยๆ เร่งแซงต้องกะระยะให้ดีจากกำลังที่น้อยแค่ 115 แรงม้า อุปกรณ์ตกแต่งภายในเรียบง่าย จอภาพมอนิเตอร์กลาง ขนาด 8 นิ้วระบบสัมผัสต้องเรียนรู้การใช้งานกันสักพักใหญ่ถึงจะใช้คล่อง มาตรวัดจอภาพมีการแสดงผลที่หลากหลาย คมชัดและสวยงาม ส่วนกระจกหลังคา Panoramic ผืนใหญ่ทำงานด้วยไฟฟ้าสาแก่ใจคนอยากได้ แผ่นกันแดดของกระจกหลังคา เมื่อจะเปิดก็แค่กดสวิทช์ ทั้งหมดก็จะเลื่อนออกไปซ่อนอยู่ใต้หลังคาอย่างเนียนไม่ต้องถอดแล้วหาที่เก็บเหมือน HR-V แต่ระบบรองรับและพวงมาลัยรวมถึงย่านกำลังยังเป็นรองรถเจ๋งๆอย่าง C-HR การนำเข้าจากอินโดฯเพื่อต่อสู้ในตลาดที่มีผู้เล่นเข้มแข็ง Creta จึงยัดระบบความปลอดภัยมาให้เพียบและใช้งานได้ดี อยู่ที่การตัดสินใจแล้วไปลองขับเปรียบเทียบดูว่าถูกจริตกับรถกิมจิหรือชอบรถญี่ปุ่น? นี่ถ้าเป็น 1.5 เทอร์โบ จะดีกว่านี้เยอะละครับ. 

Technical Data

Hyundai Creta SEL
เครื่องยนต์  Gamma II 1.5 MPI
แบบ DOHC D-CVVT 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว
ความจุกระบอกสูบ 1,497 ซีซี.
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 75.6 x 83.4
อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1
ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงที่รองรับ Gasoline E10
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง MPI (Multi Point Injection)
กำลังสูงสุด แรงม้า 115 PS ที่ 6300  รอบต่อนาที 
แรงบิดสูงสุด 144 นิวตัน-เมตร ที่ 4500 รอบต่อนาที
มาตรฐานไอเสีย Euro 4
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบส่งกำลังแบบ
Intelligent Variable Transmission (IVT)
อัตราทดเกียร์เดินหน้า 2.680 – 0.385
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 2.822 – 1.822
อัตราทดเฟืองท้าย 6.483

ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ Column Type of Motor Driven Power Steering
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.4 ม.

ช่วงล่างและเบรก
ระบบช่วงล่างหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชั่นบีม
ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก

ขนาดล้ออัลลอย 17 x 6.5J
ขนาดยาง 215/60 R17
มิติ

ความยาว  4,315 มิลลิเมตร
ความกว้าง 1,790 มิลลิเมตร
ความสูง 1,630 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร
ระดับต่ำสุดจากพื้น 200 มิลลิเมตร
ปริมาตรถังน้ำมัน 40 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,150 กิโลกรัม

ภายใน / ความสะดวกสบาย

หน้าจอแสดงผลการขับขี่ความละเอียดสูงแบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว
พวงมาลัยปรับระดับ สูง-ต่ำ-เข้า-ออก
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมไฟเรืองแสง
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ผ่านรีโมท
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ (Eco, Comfort, Sport, Smart)
ปุ่มปรับโหมดการขับขี่เฉพาะสภาพถนน (Snow, Sand, Mud)
เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold
ไฟภายในห้องโดยสาร
แบบ LED

ไฟส่องสว่างสำหรับผู้โดยสารด้านหลังแบบLED
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร
เบาะหุ้มหนัง
ระบบควบคุมอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ
ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger)
ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 1 จุด
ช่องจ่ายไฟสำรองแบบ USB 2 จุด
ที่พักแขนบริเวณคอนโซลกลาง
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ที่พักแขนสำหรับผู้โดยสารด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ

ระบบความบันเทิง
หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับไฟล์ MP3
รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย
USB สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์มัลติมีเดีย
ระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารไร้สายบลูทูธ
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ และระบบสั่งการด้วยเสียง
ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและสั่งการบลูทูธ บนพวงมาลัย
ลำโพง 6 ตำแหน่ง

ระบบความปลอดภัย
ระบบเบรก ABS
ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC
ระบบเสริมแรงเบรก BAS
ระบบควบคุมการทรงตัว VSM
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS
ระบบล็อคประตูอัตโนมัติตามความเร็วรถ
ระบบแจ้งความดันลมยางอัตโนมัติ TPMS
กล้องมองหลังแสดงภาพขณะถอยจอด (Back Camera)
เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง
ถุงลมนิรภัย 6 จุด (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย)
ระบบกุญแจ Immobilizer
ระบบแจ้งเตือนให้เช็คผู้โดยสารด้านหลัง (ROA)

Hyundai
SmartSense
ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ FCA (Forward Collision-Avoidance Assist)
ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน LKA (Lane Keeping Assist)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LFA (Lane Following Assist)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA (Blind-Spot Collision-Avoidance Assist)
ระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA (Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist)
ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ HBA (High Beam Assist)
ระบบเตือนการเปิดเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEW (Safe Exit Warning)
ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้า DAW (Driver Attention Warning)
ระบบช่วยจำกัดความเร็ว MSLA

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/