ลองของดี ขับสี่มีมอเตอร์ไฟฟ้า ทดสอบ BMW X5 xDRIVE 45e M SPORT




ปัจจุบัน….รถที่สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทฯ มักจะเป็นรถสปอร์ต ส่วนรถที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับบริษัทฯ ก็หนีไม่พ้นรถเอสยูวี บริษัท BMW ใช้ความพยายามอย่างหนักในการสร้างความแตกต่างดังกล่าว ด้วยการปรับจูนประสิทธิภาพของรถเอสยูวีตัวขาย ภายใต้ตราสัญลักษณ์ใบพัดสีฟ้า-ขาว รถอย่าง X5 คือความพยายามครั้งล่าสุดในการผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ไซส์กลางที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งคล่องตัว ทรงพลังและตอบสนองต่อการใช้งานทุกรูปแบบ สไตล์ SAV หรือ Sport Activity Vehicle ใน X5 โดยเฉพาะรุ่น 45e Plug in Hybrid นั้นทำออกมาได้โดนใจคนชอบรถอเนกประสงค์สายหรูฝั่งเยอรมัน BMW X5 ถือกำเนิดขึ้นในปี 1999 จากการถือครองแบรนด์ Range Rover เพื่อนำเทคนิคขับสี่ของพวกอังกฤษมาปรับใช้ในรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จของยานยนต์ตระกูล X ค่าย BMW ขายแบรนด์หรูขับสี่ของอังกฤษให้กับ Tata เมื่อมองเห็นว่าแบรนด์ Range Rover ไม่ได้ทำกำไรอย่างที่ควรจะเป็น จนถึงทุกวันนี้ X5 ถูกขายไปแล้วมากกว่า 2.2 ล้านคัน จากเจเนอเรชันแรกมาจนถึง X5 รุ่นใหม่ล่าสุด รหัส G05 

ตัวเลขค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศของเอสยูวีทรงกล่องนั้นไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว จากขนาดที่สูงใหญ่ เน้นพื้นที่กว้างขวางในการใช้งาน BMW X5 xDRIVE 45e M Sport ทำตัวเลขค่าแอโรไดนามิกที่ 0.32 (cd 0.32) รูปลักษณ์ใหม่มีความภูมิฐานแต่ดูเตี้ยและตันมากกว่ารุ่นที่ผ่านมาเล็กน้อย การลดแรงเสียดทานอากาศที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของยานยนต์อเนกประสงค์ ปรับให้อากาศที่ไหลผ่านตัวถังมีเสียงลดลงในขณะที่ใช้ความเร็วสูง ในขณะที่ห้องโดยสารก็มีการลดเสียงรบกวนด้วยวัสดุซับเสียงรอบห้องโดยสาร ช่วยลดเสียงลมและเสียงยางได้ดีในระดับที่น่าพึงพอใจ กระจังหนัาขนาดใหญ่ ยังคงใช้กระจังทรงไตคู่ พลาสติกชุดกระจังสีเงินตัดกับตัวถังสีดำของรถทดสอบ กระจังหน้ามีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ เพื่อลดแรงต้านทานของกระแสลมเมื่อเครื่องยนต์ยังอยู่ในอุณหภูมิที่ไม่ร้อนมากจนเกินไป และเมื่อถึงอุณหภูมิการทำงาน ซี่กระจังจะเปิดออกแบบอัตโนมัติเพื่อนำกระแสลมเข้าไปลดอุณหภูมิในห้องเครื่องยนต์

รุ่น 45e M Sport มาพร้อมกันชนหน้า-หลัง M ล้ออัลลอย M ลาย Y-spoke แบบสลับสีเงิน-ดำ ดูหรูหราใหญ่โตแต่ยางหน้ากว้าง 315/35 R21 ที่ล้อหลังทำให้มีพื้นที่ของแทรคมากกว่า X5 ทุกรุ่นที่ขายในประเทศไทย ไฟหน้า LED พร้อมไฟเลี้ยวและไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light ระบบไฟส่องสว่างแบบอัตโนมัติ Adaptive LED เวอร์ชันล่าสุดที่ทำงานรวดเร็วและฉลาดขึ้นในการเบี่ยงเบนไฟสูงไม่ให้ไปรบกวนรถคันหน้าหรือรถที่แล่นสวนทางมา ไฟหน้า Adaptive มีกำลังในการส่องไกลเฉียดๆ 600 เมตร ครอบคลุมการมองเมื่อขับบนถนนที่ปราศจากแสงไฟได้ดี และการมองเห็นที่ดีในตอนกลางคืนก็ช่วยลดอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็นได้อย่างสมบูรณ์แบบ! ฝากระโปรงหน้า ไฟหน้า กันชน M และแก้มข้างตลอดจนล้อและยางไซส์ใหญ่มีความกลมกลืนจากการออกแบบ ช่องรับอากาศขนาดใหญ่ เป็นสไตล์ที่คุ้นเคยของกันชน M มาพร้อมไฟตัดหมอก LED และประสิทธิภาพในการดึงอากาศเข้าไประบายความร้อนให้กับเบรกหน้าและห้องเครื่องยนต์ 

ด้านข้างของ BMW X5 xDRIVE 45e M Sport มีแก้มข้างด้านซ้ายที่ติดตั้งตำแหน่งของการชาร์จกระแสไฟฟ้า สัญลักษณ์รูปตัว M เล็กๆ แปะติดอยู่กับฝาปิดที่ชาร์จไฟ เสาหน้าของ X5 G05 มีลักษณะค่อนข้างตั้งชัน ช่วยเปิดมุมมองจากภายใน โดยเฉพาะตำแหน่งคนขับด้วยกระจกบังลมบานหน้าขนาดใหญ่ แนวหลังคามีความโค้งเล็กน้อย แรคหลังคาสีดำเข้ากับสีของตัวถังอย่างกลมกลืน ล้อ M ลาย Y-spoke ขอบ 21 นิ้ว ยาง continental premium contact 6 SSR ล้อหน้าขนาด 275/40 R21 ส่วนยางล้อหลังเล่นไซส์ใหญ่ถึง 315/35 R21 เป็นยาง Runflat อีกแล้วละครับท่าน!! สำหรับเบรกของ X5 xDRIVE 45e M Sport ได้คาร์ลิปเปอร์เบรก M สีน้ำเงินแบบ 4 พอตหน้า ด้านหลังก็ยังใช้คาร์ลิปเปอร์ M แบบซิงเกิลพอต เบรกมีประสิทธิภาพดีพอใช้ เนื่องจากน้ำหนักตัวกว่า 2.5 ตัน เมื่อห้อมาเต็มเหนี่ยว ก็ควรจะเพิ่มระยะเบรกเผื่อเอาไว้ด้วย เพราะตัวหนักเอาเรื่องเลยทีเดียว 

บั้นท้ายแบบทรงเหลี่ยมดูตันๆ ยังไงพิกลแต่ก็มีความสวยงามของไฟท้ายและอุปกรณ์ตกแต่ง M Sport เช่น กันชนหลังและท่อระบายไอเสีย ฝาท้ายไฟฟ้าแบบ 2 ชิ้น สามารถเปิดออกได้ทั้งบนและล่างด้วยไฟฟ้า X5 รุ่นนี้ยังมีตัวช่วยเมื่อยกของชิ้นใหญ่ ด้วยโหมดลดความสูงของช่วงท้าย ทำให้ไม่ต้องออกแรงยกลังหรือสัมภาระใหญ่ๆ มากจนเกินไป เนื่องจากการลดระดับความสูงช่วยทำให้ขนของใส่พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายได้สะดวกกว่าเดิม ไฟท้ายทรงยาวหลอด LED ที่สวยงาม รวมถึงไฟเบรกดวงที่สามอยู่ด้านบนสุดบริเวณชิ้นงานตกแต่งกึ่งกลางกระจกบังลมบานหลัง ท่อระบายไอเสียทรงเหลี่ยมของ M พลาสติกสะท้อนแสงมัลติรีเฟลกเตอร์ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ที่ปัดน้ำฝนของกระจกบังลมบานฝาท้ายกับเสาอากาศทรงครีบปลาฉลาม 

ภายในที่มีความโอ่โถงกว้างขวาง ใช้วัสดุที่มีคุณภาพตกแต่งในส่วนใช้งานต่างๆ เพื่อยกระดับความหรูหราให้เทียบเคียงกับ Porsche Cayenne พนักพิงเบาะนั่งแถวสองออกแบบให้พับได้ในอัตราส่วน 40:20:40 เพื่อการขนสัมภาระขนาดใหญ่ที่ของที่มีความยาวมากกว่าพื้นที่เก็บสัมภาระจะยัดได้หมด เมื่อปรับเบาะหลังราบลงก็จะได้พื้นที่เก็บของ 1,720 ลิตร เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางที่มีสมาชิก 4-5 คน คอนโซลหน้าออกแบบให้มีขนาดที่ใหญ่โตเพื่อปรับพื้นที่ในการใส่อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ แดชบอร์ดคอนโซลขึ้นรูปด้วยโฟมยางสังเคราะห์ หุ้มหนังสีดำ เย็บเดินตะเข็บคู่ด้วยด้ายสีน้ำตาล ชิ้นงานอัลลอยลาย Tetragon คาดกลางคอนโซล แผงประตู ไปจนถึงซุ้มเกียร์ สีเงินของชิ้นงานตกแต่งตัดกับสีดำของแดชบอร์ดและสีน้ำตาลของเบาะนั่งอย่างลงตัว เบาะแบบสปอร์ตตัวโตนั่งสบายในทุกตำแหน่งโดยเฉพาะเบาะคู่หน้า เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ Vernasca พร้อมรูระบายอากาศ เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับกับที่หนุนหลังปรับไฟฟ้าสำหรับเบาะนั่งตอนหน้า เบาะสีนำ้ตาลหนัง Vernasca เย็บเดินตะเข็บคู่ด้วยด้ายสีน้ำตาลอ่อน ในส่วนของพนักพิงศีรษะออกแบบให้ปรับมุมได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือมันไม่ดันกระบาลของคนขับที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ก็แล้วกัน

อุปกรณ์ในรุ่น M Sport ของ X5 45e มีพวงมาลัย M แบบสามก้าน ที่แพร่หลายอยู่ในรถเวอร์ชัน M Sport พวงมาลัยค่อนข้างอวบอ้วนเนื่องจากรูปแบบของพวงมาลัย M ที่เน้นการยึดจับอย่างถนัดมือ หนังที่หุ้มรอบวงเย็บเดินตะเข็บอย่างประณีต ก้านวงด้านซ้ายเป็นที่อยู่ของสวิตช์ควบคุมระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control ส่วนก้านวงด้านขวา เป็นที่อยู่ของสวิตช์ปรับตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ ปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง หลังวงพวงมาลัย M ที่ขาดไม่ได้ก็คือ แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift สีเงินขนาดใหญ่กดได้อย่างถนัดนิ้วมือ 

ภายในของ X5 xDRIVE 45e M Sport ยังติดตั้งหลังคาพาโนรามิกรูฟ ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light) เพดานหลังคาภายในสี Anthracite ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลกลาง ปุ่มของระบบควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซน ม่านบังแดดประตูหลังที่ต้องออกแรงเล็กน้อยในการยกขึ้นเพื่อบังแดด หรือยกแล้วหดกลับเพื่อเปิดม่านบังแดดแบบอัตโนมือ ! ระบบปรับอากาศอัตโนมัติดิจิทัลแบบ 4 โซน 

จอมอนิเตอร์กลาง ขนาด 12.3 นิ้ว สั่งงานผ่านปุ่มควบคุม iDRIVE แบบใหม่ ด้วยระบบปฏิบัติการ OS.7 จอภาพมอนิเตอร์กลางยังสั่งงานด้วยระบบสัมผัสที่หน้าจอภาพ พร้อมฟังก์ชันใช้งานนับร้อยรายการ มีทั้งระบบนำทางและแจ้งเตือนสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร การปรับตั้งค่าต่างๆ ของระบบขับเคลื่อน ระบบความปลอดภัย เรียกดูข้อมูล หรือเป็นจอมอนิเตอร์ของกล้องมองภาพรอบรถแบบ 360 องศา การเชื่อมต่อใช้งานกับ BMW แอปพลิเคชัน สำหรับ BMW Live Cockpit Professional ใน BMW operating system 7 หรือ OS. 7 มาพร้อมระบบ BMW ConnectedDrive ฟังก์ชันสั่งงานระบบ iDrive ตรวจจับการเคลื่อนไหวสั่งงานด้วยมือ (BMW Gesture Control) iDRIVE เวอร์ชันใหม่รับคำสั่งผ่าน Touch Controller ที่อยู่ข้างซุ้มเกียร์ขนาดใหญ่ ออกแบบซอฟต์แวร์ให้ง่ายและสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน 

ข้างซุ้มคันเกียร์อุดมไปด้วยสวิตช์สั่งงานต่างๆ เช่น โหมดการขับเคลื่อนต่างๆ เริ่มจาก Adaptive /Electric / Hybrid / Sport ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์สีเงินเรืองแสงสีส้มในตอนกลางคืน ปุ่มปรับระดับความสูงของรถในระบบ Adaptive Air Suspension ปุ่มควบคุมระบบถอยจอดอัตโนมัติ ปุ่มเลือกดูภาพรอบรถจากกล้องด้านนอก ปุ่มเบรกมือไฟฟ้าและปุ่มควบคุมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ Auto Brake Hold คันเกียร์หน้าตาเหมือนหัวไม้ 7 แต่จับได้ถนัดมือดี มีตำแหน่งแมนนวลมาให้ใช้งาน เมื่อผลักคันเกียร์ไปทางซ้าย หรือตำแหน่ง M/S เพื่อเข้าสู่โหมดการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเอง ทั้งจากการโยกคันเกียร์ขึ้น-ลง ในตำแหน่ง +/- หรือชิฟต์เกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift  

BMW Live Cockpit Professional จัดภายในของ BMW X5 G05 โดยมีการยกระดับความทันสมัยใหม่หมดหัวจดหาง ด้วยแผงแดชบอร์ดคอนโซลหน้าสไตล์ BMW ที่เน้นทั้งความสง่างามกับอุปกรณ์ตกแต่งราคาแพง จุดเด่นของ BMW X5 รุ่น 45e M Sport ก็คือ มาตรวัดเรืองแสงดิจิทัล TFT – thin film transistor รุ่นใหม่ที่ถูกใช้งานใน BMW รุ่นใหม่เกือบจะทุกโมเดล เช่นเดียวกับจอแสดงขนาดใหญ่บริเวณกึ่งกลางของจอภาพมาตรวัดที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของการแสดงผลได้อย่างคมชัด แต่มาตรวัดแบบจอภาพ มีตำแหน่งของวัดรอบที่ค่อนข้างอ่านค่าได้ยาก อยากได้แบบทรงกลมที่อ่านค่าได้ง่ายกว่าเยอะ แต่ก็ต้องลืมๆ ในจุดนี้ไป เพราะหน้าปัดมาตรวัดแบบจอภาพ ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบก็คงอีกนานน่าดูเลยทีเดียว มาตรวัดเปลี่ยนสีไปตามโหมดขับเคลื่อน แต่ไม่ได้มีลูกเล่นเหมือนจอภาพมาตรวัดของ Mercedes-Benz ที่สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้อย่างหลากหลายมากกว่าเยอะ!  

BMW X5 xDRIVE 45e M Sport จัดครบด้วยการควบรวมระบบความบันเทิง infotainment iDrive พร้อมออปชันแหล่มๆ ด้วยระบบเสียงชั้นเยี่ยม LOGIC 7® SURROUND SOUND SYSTEM กับลำโพงคุณภาพสูง 16 ตัวจากค่ายเครื่องเสียงติดรถยนต์ชั้นนำ HAMAN KARDON กำลังขับ 464 วัตต์ ลำโพง tweeters 7 ตำแหน่งรอบห้องโดยสารตั้งแต่ด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังลำโพง subwoofers (central bass) 2 ตำแหน่งใต้เบาะคู่หน้า และลำโพงเสียงกลาง midrange speakers อีก 7 ตำแหน่งทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง เสียงไม่ดีก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วโดยเฉพาะความหนักแน่นของซัฟวูฟเฟอร์แบบใหม่และกำลังขับ 464 วัตต์นั้นเหลือรับประทาน ลำโพงคุณภาพดีของค่าย HAMAN มีให้ครบทั้งความใสกระจ่าง มิติของเสียงที่ครบเครื่องกับความหนักหน่วงของซัฟวูฟเฟอร์เมื่อเล่นดนตรีแนว HipHop 

Center channel dash = 2
Front driver/passenger tweeter and mids = 4
Front driver/passenger seat subs 1 + 1 = 2
Rear passengers tweeter and mids = 4
Cargo space/3rd row, 2 tweeter and 2 mids = 4

BMW X5 xDRIVE 45e M Sport วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 กระบอกสูบ ความจุ 3.0 ลิตร 2998 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ ถูกจัดวางในรูปแบบ Bi-Turbo เทอร์โบ 1 ตำแหน่ง รับหน้าที่บูสต์ไอดีเข้ากระบอกสูบทั้งสามตำแหน่ง เป็นเทอร์โบแบบ Twin Scroll Turbo การแยกเทอร์โบออกจากการอัดอากาศแบบสูบใครสูบมันทำให้เทอร์โบทำงานเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในด้านของแรงฉุดลากที่เกือบจะเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เนื่องจากมีมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบเกียร์ที่คอยเสริมแรงบิด แรงม้าจากเครื่องยนต์เพียวๆ ทำได้ 286 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดจากเครื่องยนต์ 450 นิวตันเมตร ที่ 1,530-3,500 รอบต่อนาที พวกชอบขับแบบลากรอบจะประทับใจกับแรงบิดของทั้งสองระบบที่เทออกมาอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนจะล้นเกินไปด้วยซ้ำ 

มอเตอร์ไฟฟ้าวางคั่นกลางระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์ 8 สปีด มอเตอร์ไฟฟ้าใน BMW X5 xDRIVE 45e M Sport มีเรี่ยวแรง 83 กิโลวัตต์ หรือ 113 แรงม้า แรงบิดแน่นๆ ที่ 265 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ส่งออกมาจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน แบบ High Voltage ขนาด 24 kwh แบตเตอรี่ถูกเก็บไว้ใต้เบาะผู้โดยสารตอนหลัง BMW เคลมว่า เมื่อชาร์จไฟจนเต็มประมาณ 4-6 ชั่วโมง X5 45e จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยไม่มีเชื้อเพลิงเข้ามาเกี่ยวข้องไกล 67-87 กิโลเมตร เมื่อลองขับใช้งานจริงในเมืองก็ทำระยะทางได้ประมาณ 40 กิโลเมตรเศษ มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง สามารถเร่งความเร็วด้วยพลังงานไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียวได้เร็ว 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

ระบบส่งกำลังของ X5 xDRIVE 45E ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ ZF 8HP เป็นชุดส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพของ ZF Friedrichshafen AG สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมกลไกที่ซับซ้อนของระบบไฮดรอลิก มอเตอร์ไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในระบบไฮบริดสำหรับเสริมแรงบิด ชุดเชื่อมต่อเพลาหน้าและหลัง Transfer Case และชุดเกียร์ Planetary gearsets พัฒนาเพื่อนำมาใช้งานในรถยนต์ BMW เครื่องยนต์วางตามยาว ระบบเกียร์ทั้งหมด ออกแบบและสร้างโดยบริษัท ZF ใน Saarbrücken ระบบส่งกำลังของ ZF เปิดตัวเป็นครั้งแรกใน BMW 7 Series (F01) รุ่น 760Li โดยนำมาเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์เบนซิน V12 นับจากนั้นเป็นต้นมา BMW รุ่นใหม่ทุกรุ่นนับจาก Series-1 ไปจนถึง Series-8 รวมถึง Z4 กับรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล X ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็ติดตั้งเกียร์ ZF 8HP ทุกรุ่น หนึ่งในเป้าหมายหลักของระบบเกียร์ ZF 8 สปีด คือ การปรับปรุงอัตราทดให้ครอบคลุมกับรอบเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพในการทดกำลังแล้วถ่ายเทออกมาเป็นแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน รวมไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อใช้โหมดผสมผสาน Hybrid โหมดมาตรฐาน Adaptive โหมดซิ่ง (SPORT) และโหมดที่วิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียวๆ อย่าง Electric การออกแบบชิ้นส่วนภายในของระบบส่งกำลังใหม่ ทำให้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลดลงเหลือ 200 มิลลิวินาที นอกจากนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการทำงานของเกียร์สามารถเปลี่ยนอัตราทดในลักษณะที่ไม่ต่อเนื่อง (กระโดดข้ามเกียร์) จากเกียร์ 8 ถึงเกียร์ 2 ในสถานการณ์ที่เกียร์จะต้องเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อระบบเบรกถูกใช้งานอย่างเต็มกำลัง รุ่น 8HP70 ออกแบบให้สามารถรับแรงบิดสูงสุดได้ถึง 700 นิวตันเมตร (516 ปอนด์) ชุดเกียร์ทั้งลูกมีน้ำหนัก 87 กิโลกรัม (192 ปอนด์) เกียร์ ZF 8HP เจเนอเรชันที่ 3 ของ BMW X5 G05 เปิดตัวในปี 2018 มีการปรับปรุงหลักๆ คือ ประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 2.5% เมื่อเทียบกับเกียร์รุ่นที่ 2 นอกจากนั้นชุดเกียร์ยังออกแบบให้ใช้งานกับระบบ mild hybrid และ plug in hybrid ของ X5 xDRIVE 45e iperformance

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDRIVE พัฒนาต่อยอดมาจาก X5 รุ่นแรกๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนทุกล้อของ Range Rover มาปรับใช้ การกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ให้มีความเหมาะสมต่อสภาวะการขับขี่กับสภาพผิวถนน สร้างแรงยึดเกาะและปรับความสมดุลขณะขับเคลื่อน เนื่องจากเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีมวลค่อนข้างเยอะ การทรงตัวของ X5 จึงขึ้นตรงกับแชสซี ล้อ ยาง ช่วงล่าง ชุดบังคับเลี้ยวและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDRIVE ระบบนี้ ใช้สมองกลไฟฟ้าในระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมการกระจายแรงบิดอย่างเต็มรูปแบบ เชื่อมต่อการทำงานกับระบบเบรก ABS ด้วยการสั่งเบรกในล้อที่สูญเสียแรงยึดเกาะหรือหมุนฟรี จัดสรรแรงบิดไปยังล้อที่ปราศจากอาการลื่นไถล ทำให้ BMW X5 สามารถลุยทางวิบากได้ อันที่จริงก็ไม่ค่อยจะมีเจ้าของ X5 เอารถไปลุยหนักๆ เนื่องจากค่าซ่อมนั้นแพงแสบไส้ ล้อและยางของมันก็เป็นแบบสปอร์ต ขนาดล้อที่ใหญ่โตมากถึง 21 นิ้ว จำเป็นที่จะต้องลดความสูงของแก้มยางให้เหลือแค่ Series 35 ซึ่งเตี้ยมาก ลำพังแค่วิ่งบนถนนปกติคอยหลบหลุมก็แย่แล้ว หากคิดจะเอาไปลุยซึ่งจริงๆ แล้วมันก็สามารถลุยได้ ก็ต้องหาล้อขอบ 18-19 พร้อมยางที่มีแก้มสูงหรือเปลี่ยนเป็นยาง MT ที่มีลายดอกยางรองรับทางวิบากจะดีกว่าใช้ล้อติดรถที่สวยงามและออกแบบมาสำหรับการขับบนไฮเวย์มากกว่าจะเอามาลุย

xDRIVE ยังเชื่อมต่อกับระบบรักษาเสถียรภาพของตัวรถ DSC dynamic stability control คอยควบคุมแรงบิดแบบล้อต่อล้อ สั่งเบรกล้อใดล้อหนึ่งได้อย่างอิสระ เพื่อควบคุมล้อให้หมุนไปตามความเร็วรอบอย่างที่ควรจะเป็น จากการประมวลผลของ ECU ช่วยลดอาการหน้าดื้อหรือท้ายปัด รองรับการทำงานภายใต้เงื่อนไขที่มีความสลับซับซ้อน สำหรับการขับเคลื่อนยามปกติ xDRIVE จะเทแรงบิดไปที่ล้อหลังมากกว่าล้อหน้า เพื่อส่งถ่ายฟีลลิ่งในสไตล์ BMW ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง multiple plate clutch เป็นชุดคลัตช์แบบหลายแผ่นทับซ้อนกัน ติดตั้งอยู่ในชุดเกียร์ transfer case ทำหน้าที่กระจายแรงบิดไปยังเพลาหน้าและเพลาหลัง ขึ้นตรงกับระดับของการจับตัวในชุดคลัตช์ มันอาจส่งแรงบิดไปที่ล้อหน้า 100% หรือกระจายแรงขับเคลื่อนระหว่างเพลาหน้า-หลังในอัตราส่วนที่สัมพันธ์กัน รวมถึงโหมดของการขับเคลื่อน มันอาจส่งแรงบิดในระดับ 80:20 / 50:50 / 30:70 / 40:60 ทำงานภายใต้สภาวะต่างๆ ในทุกสภาพถนนและทุกรูปแบบของการขับขี่ (ข้อมูลระบบ xDRIVE จาก Grand Prix Magazine ฉบับที่ 583 / July)

ช่วงล่างถุงลมแสนแพงแบบปรับระดับได้ หรือ BMW Adaptive Air Suspension สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้ 5 ระดับ โครงสร้างระบบกันสะเทือนของ X5 G05 ยังคงใช้ปีกนกคู่หรือดับเบิ้ลวิชโบนที่ด้านหน้า ปีกนกอะลูมิเนียมพร้อมจุดยึดโยงที่แข็งแกร่ง ช่วงล่างถุงลมของ X5 45e เหนือกว่าช่วงล่างแบบธรรมดาของ X5 30d ให้ทั้งความนุ่มนวลและการยึดเกาะกับถนนเมื่อใช้ความเร็ว ช่วงล่างแบบใหม่สามารถรับแรงได้ทุกแกน โดยเฉพาะแรงต้านมหาศาลจากด้านข้างเมื่อเข้าโค้ง ในขณะที่น้ำหนักของรถพุ่งสูงถึง 2.5 ตัน ยางหน้ากว้างขนาด 21 นิ้วทำให้การยึดเกาะอยู่ในเกณฑ์ดี การควบคุมระดับความสูงของตัวถัง ไม่ว่าจะขับในรูปแบบใด เช่นบรรทุกทั้งผู้โดยสารและสัมภาระมาเต็มคัน เข้าโค้ง วิ่งเร็วทางตรง หรือแม้แต่การเร่งและเบรกอย่างรุนแรง Air Suspension จะทำงานเมื่อความเร็วสูงกว่า 138 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของรถจะถูกปรับลงโดยอัตโนมัติมากถึง 20 มิลลิเมตร ในโหมดขนสัมภาระใส่พื้นที่ส่วนท้าย ระบบสามารถปรับลดความสูงได้มากถึง 40 มิลลิเมตร ส่วนการขับในสภาพเส้นทางทุรกันดารหรือเส้นทางออฟโรด สามารถปรับยกความสูงเพิ่มขึ้นอีก 40 มิลลิเมตร เพื่อการข้ามผ่านสิ่งกีดขวางหรือหลุมบ่อเนินดิน ระบบ Dynamic Damper Control จะปรับการตอบสนองของโช้คอัพถุงลมไปตามความเร็วในขณะนั้น  

ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า Integral Active Steering IAS รับหน้าท่ีในการปรับเพิ่มหรือลดน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามความเร็วและโหมดขับเคลื่อน X5 ใช้ระบบ IAS ช่วยลดวงเลี้ยวสำหรับการกลับลำในที่คับแคบ ระบบขับเคลื่อน AWD ที่มีวงเลี้ยวรัศมีกว้างกว่ารถขับหลังได้ระบบดังกล่าว ทำให้รัศมีวงเลี้ยวของ X5 ใหม่แคบลงกว่าเดิมมาก รูปแบบของการเลี้ยวและองศาของการหักพวงมาลัยจะมาจากการประมวลผลของ ECU ที่ตรวจจับจากความเร็วล้อ องศาของพวงมาลัย แรงเฉื่อยจากการเคลื่อนที่ ระดับความลาดเอียงของตัวรถ องศาในการหักเลี้ยวของล้อหลังทำงานไม่เกิน 3 องศา สำหรับรูปแบบของการเลี้ยว มีสองรูปแบบคือ การเลี้ยวสวนทิศทางกับการเลี้ยวของล้อหน้า ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยว ทำให้การควบคุมรถเพื่อจอดในพื้นที่คับแคบง่ายขึ้น ระบบจะทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนการเลี้ยวในรูปแบบทิศทางเดียว กับการเลี้ยวของล้อหน้า เหมาะกับการเลี้ยวในโค้งด้วยความเร็วสูง การปรับหน่วงน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามความเร็ว ใช้ Electric Power Steering แบบเซอร์โววาล์ว ช่วยหน่วงพวงมาลัยให้มีน้ำหนักที่เหมาะสมในทุกสปีดความเร็ว 

X5 เป็นรถคันโตที่มีความคล่องตัว แรงบิด 600 นิวตันเมตรในเครื่องยนต์เบนซินซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างเครื่องและเกียร์ ทำให้เกิดประสิทธิภาพในด้านแรงฉุดลากที่เหลือเฟือ คุณสามารถชาร์จไฟบ้านผ่าน BMW Wall Box ในเวลา 4 ชั่วโมง X5 รุ่นปลั๊กอินจะทำระยะทางโดยไม่ติดเครื่องยนต์ไกลประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ไม่มีการปล่อยมลพิษออกมาแม้แต่กรัมเดียว และเมื่อไฟหมดแบตฯ การวิ่งด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ก็ยังมีพลังงานอย่างล้นเหลือ แม้อัตราสิ้นเปลืองหลังจากแบตเตอรี่มีกำลังไฟต่ำจะค่อนข้างโหดไปนิดสำหรับรถเสียบปลั๊กชาร์จไฟ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมของ X5 45e แลกกลับด้วยอัตราสิ้นเปลือง 10-12 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าพอรับได้ 

X5 ใหม่ โดยเฉพาะรุ่น 45e M Sport กับชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ xDRIVE เป็นรถที่เน้นความสบาย อุปกรณ์ในรุ่น M Sport จัดเต็มความทันสมัยและมีความน่าใช้งาน พร้อมราคาค่าตัว 4,999,000 บาท ค่อนข้างแพงเกินไปเมื่อดูจากคู่แข่งจากฝั่งตราดาว ทั้ง GLE350de Exclusive ที่มีราคา 4,699,000 บาท และ GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นที่มีอุปกรณ์สูสีกับ 45e มีราคา 5,190,000 บาท นี่ก็แพงเอาเรื่องอีกเหมือนกัน! สำหรับรถคู่แข่งที่กำลังมาแรงอย่าง Audi Q7 3.0 45 TDI Quattro รุ่นเริ่มต้น มีราคา 4,849,000 และ Audi Q7 3.0 45 TDI Quattro S line พี่ใหญ่สายโหด ราคา 5,299,000 ส่วนสายหรูยอดนิยมอย่าง Porsche Cayenne E-Hybrid ซึ่งเวลาไปห้างดังๆ ก็มักจะได้จอดในที่ของซุปเปอร์คาร์ (ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะเป็น Cayenne Turbo มั้ยครับที่ได้จอดซองแหล่มๆ ไม่ต้องเดินไกลแบบนั้น) Cayenne E-Hybrid เฟอร์นิเจอร์หรูของคนมีเงิน จัดค่าตัวทะลุไปถึง 6,300,000 บาท นี่ยังไม่นับของหล่ออย่าง Audi Q8 55TFSi Quattro เครื่องเบนซิน V6 กับแรงบิด 600 นิวตันเมตรที่มีค่าตัวถึง 6,799,000 บาท มวยหมัดหนักเหล่านี้ ฟัดกันเองในกลุ่ม Luxury SUV ไซส์กลางแบบไม่มีใครยอมใคร

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่รหัส B58 ของ BMW เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หกสูบที่ทรงพลังและนุ่มนวลที่สุดในตลาด เมื่อรวมกับพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ สามารถจินตนาการได้ว่า X5 xDrive45e ให้ความรู้สึกเหมือนเทอร์ไบน์กังหันในขณะเร่งความเร็ว เป็นที่ยอมรับว่าความราบรื่นทั้งหมดนั้นจะไม่เกิดประโยชน์หาก BMW ไม่สามารถปรับจูนระบบขับเคลื่อนและแชสซีให้ทำงานเชื่อมโยงกันได้ แต่พวกช่างและวิศวกรในบาวาเรียก็ทำได้ดีมาก แม้ว่า BMW ในยุคปรับเปลี่ยนจะวนไปวนมาระหว่างพลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์และการรวมกันของเครื่องยนต์สันดาปภายในกับมอเตอร์ไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วที่ตวัดขึ้นอย่างว่องไว เป็นเพียงสิ่งเดียวที่บอกได้ว่ามีกลอุบายแบบไฮบริดที่ทำงานอยู่เบื้องหลังความแรงของ X5 45e เอสยูวีรุ่นนี้ มีโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันเพื่อความหลากหลายในการใช้งาน

BMW ได้ลดความซับซ้อนของโหมดการขับขี่ไฮบริด มีโหมดหลัก 4 โหมด ทั้งหมดมีชื่อที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา เช่น Sport / Hybrid / Electric / Adaptive ในโหมด Electric ระบบไฮบริดจะทำงานโดยใช้พลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์จากแบตเตอรี่แต่เพียงอย่างเดียว ถ้าชาร์จไฟมาเต็ม X5 รุ่นนี้สามารถเคลื่อนที่ได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร สำหรับโหมดไฮบริด X5 ใช้ซอฟต์แวร์ควบคุมการผสมผสานแรงบิดระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง โหมดสปอร์ตใช้พลังงานสูงสุดของระบบส่งกำลังเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ตราบใดที่ไฟยังมีอยู่ในแบตฯ และเชื้อเพลิงยังคงเหลืออีกเพียบ พลังงานในรูปของแรงฉุดลากจะถูกเค้นออกมาอย่างล้นเหลือ นอกจากนี้ X5 45e ยังมีโหมดปั่นไฟโดยใช้เครื่องยนต์ เพื่อเติมเต็มช่วงพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ขนาด 17.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ดังนั้น หากคุณต้องการใช้ไฟฟ้าในระยะไม่กี่กิโลเมตร สำหรับการขับในเมืองช่วงสั้นๆ ให้ตั้งค่าเป็นโหมด Sport ระบบจะสั่งงานให้เครื่องยนต์กลายเป็นเจเนอเรเตอร์เพื่อปั่นไฟใส่แบตเตอรี่ แต่การใช้โหมดสูงสุดขับเคลื่อนค่อนข้างสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่เหมือนกัน 

7 วันของการขับทดสอบในเมืองและออกทางไกลกับ BMW X5 xDrive45e ผมคาอยู่ในโหมด Hybrid เป็นส่วนใหญ่ โหมดผสมผสานนี้ ค่อนข้างขัดแย้งกับความโดดเด่นในด้านพลังงานของโหมด Sport เจ้า X5 ปลั๊กอินไฮบริดมีประสิทธิภาพดีในด้านความประหยัด ถ้ามีปริมาณไฟในแบตฯ เหลือมากพอ การเร่งความเร็วในโหมด Electric ที่ทำได้ถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะรับประทานไฟเอาเรื่องเลยทีเดียว และเมื่อไฟเต็มแบตฯ แล้วใช้โหมด EV ขับเคลื่อนในเมือง หากบ้านอยู่ห่างจากที่ทำงาน คิดระยะทางไป-กลับแค่ 30 กิโลเมตร ก็แทบจะไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงแม้แต่หยดเดียว แต่ก็ต้องเป็นคนที่ขยันเสียบปลั๊กชาร์จไฟเอาไว้ เมื่อจอดรอการใช้งานในครั้งต่อไป แม้จะอยู่ในโหมด Hybrid เกือบตลอดเวลาและใช้ขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ทำให้ผมไม่ต้องการพลังหรืออัตราเร่งที่มากไปกว่านี้ กำลังที่เหลือเฟือของมัน แค่แตะคันเร่งเบาๆ รถก็เคลื่อนที่ออกตัวอย่างคล่องแคล่วและนิ่มนวล และไม่ว่าเครื่องยนต์จะทำงานในขณะที่ถูกกระตุ้นด้วยคันเร่งหรือไม่ก็ตาม ทีมวิศวกรที่เขียนซอฟต์แวร์ควบคุมของ BMW ปรับจูนให้ระบบผสมผสานพลังงานทำหน้าที่ได้อย่างนวลเนียน ในโหมด Hybrid ที่ย่านความเร็วต่ำ คุณจะไม่รู้เลยว่าเครื่องยนต์หรือมอเตอร์กันแน่ที่กำลังทำหน้าที่ขับเคลื่อนน้ำหนักขนาด 2.5 ตัน!  

ช่วงล่างถุงลมแบบ Adaptive Air Suspension คือจุดเด่นของความนวล โช้คอัพไฮดรอลิกไฟฟ้าแบบถุงลม ที่สามารถปรับตั้งค่าความสูง-ต่ำได้นิดหน่อย สำหรับเจ้าของที่ชอบขับเร็ว BMW Adaptive Air Suspension คือความนวลและมั่นคง ช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบนปีกนกคู่ทำจากอัลลอย ด้านหลังเป็นแบบ 5 Link และมีชิ้นส่วนหลักๆ ทำจากอะลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนักใต้สปริง จุดยึดโยงต่างๆ ออกแบบมาเป็นอย่างดีและมีความแข็งแรงพอใช้ แต่ถ้าคิดจะเอาไปลุยหนักๆ เห็นทีจะไม่เหมาะ โดยเฉพาะเรื่องค่าซ่อมบำรุง X5 45e M Sport ขับได้อย่างนวลเนียน ค่อนข้างขัดแย้งกับล้อ 21 นิ้วที่ใส่ยางแก้มเตี้ยแค่ Series 40-35 แม้จะปรับโช้คให้ลดความสูงลงจนต่ำสุดเพื่อการทำความเร็ว มันก็ยังวิ่งได้อย่างนุ่มนวลอยู่ดี การควบคุมอาการโคลงของตัวถัง เป็นจุดเด่นในการปรับตั้งของวิศวกร BMW พวงมาลัยไฟฟ้า กับการขับในเมืองที่ย่านความเร็วต่ำในโหมด Hybrid ถูกระบบควบคุมปรับน้ำหนักให้เบาสบายข้อมือ เป็น X5 ผสมพลังงานไฟฟ้ายุคสุดท้ายที่มีความโฉบเฉี่ยว แม้จะตัวใหญ่และหนักเอาเรื่อง แต่ระบบขับเคลื่อนแบบผสมผสานทำให้รถมีความคล่องแคล่วว่องไว ไม่ว่าจะออกตัวจากสัญญาณไฟหรือเลี้ยวกลับลำในที่คับแคบ การถอยเข้าออกในพื้นที่จำกัดมีกล้องมองรอบคันที่ชัดเจน สัญญาณเสียงจากเซนเซอร์ตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบรถ การขับด้วยความเร็วต่ำในเมืองของ X5 ปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอก มาตรการเก็บเสียงของ BMW โดยเฉพาะรถเอสยูวีรุ่นขายดีอย่าง X5 วัสดุซับเสียงเกรดสูงที่ติดตั้งรอบๆ ห้องโดยสาร มีส่วนช่วยทำให้ภายในของมันเงียบกว่าเดิม ขนาดยางหน้า 275/40R21 หลัง 315/35R21 ไม่สร้างมลภาวะทางเสียงในย่านความเร็วต่ำ คุณต้องขับจนถึงความเร็ว 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงจะเริ่มได้ยินเสียงยางบดกับผิวถนน และในย่านความเร็วสูงบนไฮเวย์ BMW X5 xDRIVE 45e ก็ยังเก็บเสียงได้ดีอย่างน่าประทับใจ

นอกจากเจ้าเรือธงบ้าพลังอย่าง 745Le ที่เคยทำให้ผมรู้สึกประทับใจในการขับ เมื่อช่วงต้นปี 2564 มาถึง X5 G05 Plug in Hybrid ที่ใช้เครื่องเกียร์กับระบบปลั๊กอินฯ เหมือนกัน ก็ถือว่าเป็นรถเอสยูวีที่ขับดีเหลือกำลังลาก! เมื่อเร่งความเร็วอย่างเต็มเหนี่ยวบนไฮเวย์ข้ามจังหวัด มันให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังควบคุมเครื่องจักรกลพลังสูง ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ ผสานการทำงานกับช่วงล่างถุงลมไฟฟ้าและชุดบังคับเลี้ยวแบบแปรผันน้ำหนัก เมื่อขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ความพยายามในการต่อสู้กับแรงต้านทานหรือโมเมนตัมไม่มากจนเกินไป ระบบช่วยขับทั้งหมดทำให้คนขับรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของรถ แต่ต้องระวังหลุมบ่อให้ดี เพราะมันมาพร้อมล้อไซส์โตบนยางแก้มเตี้ยแบบรันแฟลตที่ไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับผิวถนนที่มีหลุมแอบแฝงอยู่ ระบบควบคุมการกระจายแรงบิด ชุดควบคุมการทำงานของช่วงล่าง รวมไปถึงระบบรักษาเสถียรภาพ DSC ทั้งหมดที่ว่ามาเป็นออปชันที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพราะบวกมาให้เสร็จเรียบร้อย อาการโคลงตัวเมื่อต้องผจญกับผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอเกิดขึ้นบ้าง จากขนาดของล้อที่ใหญ่เกินไป แต่ไม่ได้มากจนทำให้นั่งไม่สบายตัว คุณสามารถเดินคันเร่งในช่วงปลายโค้งให้มันทะยานออกไปในโหมด Sport ในขณะที่ตัวถังนั้นก็เอียงกระเท่เร่อย่างน่ากลัว แต่ไม่ยักกะหลุดโค้ง!! หรือเร่งแซงรถคันอื่นออกไปที่นอกเลนก็ยังทำได้ แค่ระวังเรื่องยางแก้มเตี้ยให้ดีๆ เท่านั้นเอง  

X5 xDRIVE 45e M Sport เป็นรถเอสยูวีกึ่งไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้แพงแสบไส้เท่ากับ Porsche Cayenne e-Hybrid ที่ถูกติ๊กออปชันเต็มๆ แต่ใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพมากพอทั้งทางเรียบและทางฝุ่นที่จะทำให้เจ้าของรู้สึกประทับใจ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ผสมผสานพลังงานอย่างเนียนจนไม่รู้ว่าอะไรที่กำลังทำให้มวลน้ำหนัก 2.5 ตันสามารถปลิวไปตามลมได้ดั่งใจ มันเร็วจนทำให้ต้องปรับความรู้สึกในเรื่องของระยะเบรกใหม่หมด เครื่อง B58 ซึ่งเป็นพื้นฐานของเครื่องยนต์ใน M3 M4 ใหม่ มีพลังงานเหลือล้นไม่ว่าจะอยู่ในรถ BM รุ่นไหนก็ได้ใจทั้งสิ้น เกียร์ 8 สปีด ดีงามและไหลลื่น ปราศจากอาการกระตุกกระชาก ช่วงล่างถุงลมดีแต่แพงเวลาซ่อมต้องทำใจ ภายในหรูหราหมาไม่เห่าเพราะถ้าเห่าจะไม่เอาขึ้นรถ! ฝาท้ายแบบเปิดสองชิ้นดูเท่และใช้นั่งเล่นท้ายรถได้ เป็นโอกาสดีที่ X5 กึ่งไฟฟ้าได้เข้ามาปิดช่องว่างอันห่างไกลกับ Cayenne โดยเฉพาะรุ่นที่แรงกว่านี้อย่าง X5 M50d หรือแม้แต่ X5 M สำนักใบพัด BMW ยังคงเน้นในเรื่องของการขับขี่ ความสะดวกสบายและความปลอดภัยไปพร้อมกัน บอกตรงๆ ว่ามันเป็นรถอเนกประสงค์ที่อยากได้เอาไว้ขับใช้งานทุกวันอยู่เหมือนกัน อาจดูไม่สมเหตุสมผล หรือคุ้มค่ากับเงิน 5 ล้านที่จ่ายออกไป อย่างไรก็ตาม X5 Plug in Hybrid ยังคงเป็นเอสยูวีที่กลายเป็นทางเลือกสุดท้าย ก่อนจะตะกายไป iX ละครับ.

BMW X5 xDRIVE 45e M Sport 4,999,000 บาท
รายละเอียดด้านเทคนิค

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ
เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,998
กำลังสูงสุด  210 / 286 / 5,000 – 6,000
แรงบิดสูงสุด  450 / 1,500 – 3,500
กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 83 กิโลวัตต์ / 113 แรงม้า
แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 265 นิวตันเมตร

ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้า มาตรฐาน NEDC 80 กิโลเมตร
ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 24 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
กำลังรวมสูงสุด 290 กิโลวัตต์/ 394 แรงม้า
แรงบิดรวมสูงสุด 600 นิวตันเมตร
ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง 
อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5.6 วินาที
อัตราการใช้ไฟฟ้า, มาตรฐาน NEDC 25.29 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร) 
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย – อ้างอิงผล ECO Sticker 13 กิโลเมตร/ลิตร 
ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 52 กรัม/กิโลเมตร

ล้ออัลลอย M ขนาด 21 นิ้ว
ลาย Y-spoke แบบสลับสี

ล้อหน้า: 9.5 J × 21 / ยาง 275/40 R21
ล้อหลัง: 10.5 J × 21 / ยาง 315/35 R21 (ยาง Runflat)
มิติรถยนต์ ยาว/ 4,922 มิลลิเมตร /กว้าง 2,004 มิลลิเมตร / สูง 1,745 มิลลิเมตร ปริมาตรในการบรรจุของ 500 – 1,720 ลิตร
น้ำหนักรถสุทธิ 2,510 กิโลกรัม

ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic 
ช่วงล่างถุงลม Adaptive 2-axle 
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว
(Cruise Control with braking function) 
ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) 
ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ xDrive 
ระบบควบคุมการขับขี่ขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) 
ระบบ BMW Head-up Display 
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) 
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) 

อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย
(Adaptive LED) 
ไฟตัดหมอกแบบ LED 
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant) 
คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport 
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) 
ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close function for doors) 
กุญแจรีโมทระบบสัมผัส (BMW Display Key) 
หลังคากระจก Panorama เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า 
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติฝั่งคนขับ 
ชุดตกแต่ง M Aerodynamics 
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เงา
ราวหลังคาสีดำ เงา 

อุปกรณ์ภายใน
กระจกมองข้างและกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ 
เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ Vernasca พร้อมรูระบายอากาศ
เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ 
เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport 
ที่หนุนหลังปรับไฟฟ้าสำหรับเบาะนั่งตอนหน้า 
พนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40 
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M Sport 
ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light) 
เพดานหลังคาภายในสี Anthracite 
ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิ 
ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหนังแท้ 
ภายในตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Tetragon 
ม่านบังแดดประตูหลัง 
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน 
ระบบจัดเก็บสัมภาระท้ายรถ

ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
BMW Live Cockpit Professional 
ระบบ BMW ConnectedDrive 
ฟังก์ชันสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control)
ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon 
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 

ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง
(ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง) 
ระบบ Teleservices 
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call) 
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) 
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) 
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) 
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) 
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน hold อัตโนมัติ ขณะรถหยุดนิ่ง 
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) 
ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) 
ระบบ Active Protection 
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง 
กล้องแสดงภาพด้านหลัง
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) 

ชุดตกแต่งพิเศษ
ชุดตกแต่ง M Sport

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/