Categories: ไลฟ์สไตล์

ทำความรู้จักความหมายของดอกไม้จากงานพิธีไว้อาลัยแตงโม นิดา

ในวันที่ 11 – 13 มีนาคมนี้ จะมีการจัดงานพิธีไว้อาลัยนักแสดงสาว แตงโม นิดา ขึ้นที่คริสตจักรเสรีภาพแห่งกรุงเทพ ซึ่งรูปแบบการจัดงานนอกจากจะมีการขับร้องเพลงเพื่อแสดงความระลึกถึงและอาลัยต่อแตงโมแล้ว ภายในงานยังมีการประดับด้วยดอกไม้นานาพรรณ ในโทนสีขาว ชมพู และโอลด์โรส ซึ่งเป็นสีที่แตงโมชอบ เรามาดูความหมายของดอกไม้แต่ละชนิดที่นำมาตกแต่งกันว่าสื่อถึงอะไรบ้าง

ดอกกุหลาบสีโอลด์โรส

ดอกกุหลาบสีโอลด์โรส สื่อถึงความสุภาพอ่อนโยน จริงใจและกตัญญู สามารถใช้เพื่อกล่าว “ขอบคุณ” รวมถึงแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อคนที่รักหรือเพื่อนสนิทด้วย เมื่อนำมาใช้ในงานศพหรืองานไว้อาลัยจะหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์แก่ผู้ล่วงลับ

ดอกคาร์เนชั่น

ดอกคาร์เนชั่น มีความหมายถึงการเฉลิมฉลอง แต่เมื่อนำมาประดับในงานศพจะแสดงถึงความโศกเศร้า แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถปลอบประโลม และมอบกำลังใจให้ยืนอยู่ได้จากการสูญเสีย

ดอกไฮเดรนเยีย

โดยปกติแล้วดอกไฮเดรนเยียมักนำมาใช้ในงานแต่งงานที่สื่อถึงการขอบคุณกันและกันระหว่างคู่รัก แต่เมื่อนำมาใช้ในพิธีศพหรือพิธีอาลัยก็สามารถให้ความหมายได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ขอบคุณความรักที่หยิบยื่นให้กัน ขอบคุณมิตรภาพอันสวยงามที่น่าจดจำ หรือขอบคุณชีวิตที่ให้โอกาสเรามาพบกัน

ดอกโบตั๋น

ดอกโบตั๋น เป็นดอกไม้ที่มีทั้งความอ่อนหวานและความสง่างามผสานกันอย่างลงตัว เป็นสัญลักษณ์ของความโรแมนติกและความรักที่สมบูรณ์เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ดอกโบตั๋นสีชมพู หมายถึงความโรแมนติกและความรัก ส่วนดอกโบตั๋นสีขาวเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความงามสง่า และยังใช้แทนคำขอโทษหรือขออภัยได้อีกด้วย

ดอกสแตติส

ดอกสแตติส เป็นไม้ดอกที่มีความสวยงามและคงรูปอยู่ได้นานแม้ดอกจะแห้งแล้วก็ตาม จึงมักจะนำไปประดับแซมในช่อดอกไม้ใหญ่ๆ ในงานพิธีต่างๆ สื่อถึงความรู้สึกดีๆ ที่ไม่เปลี่ยนแปลง รู้สึกมั่นคงในความรัก เป็นสัญลักษณ์ของความทรงจำร่วมกัน นอกจากนี้ยังใช้แทนความรู้สึกเสียใจต่อผู้รับที่ต้องเจอกับเรื่องราวร้ายๆ หรือการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย

ดอกกล้วยไม้

ดอกกล้วยไม้เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เมื่อนำมาใช้ประดับในงานศพจะเปรียบเสมือนการส่งความคิดถึง ความห่วงใยแก่ผู้ล่วงลับ และเป็นการสื่อว่าผู้ล่วงลับจะอยู่ในใจส่วนลึกตลอดไป

ทั้งนี้ชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์มีคติความเชื่อเกี่ยวกับ “ความตาย” ว่าการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น แต่ชีวิตหลังความตายต่างหากที่เป็นชีวิตที่นิรันดร์ จึงหมายความว่าเมื่อมนุษย์เสียชีวิตลงก็จะได้กลับไปมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์หรือได้กลับไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์อย่างถาวร.

ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย