ดื่มน้ำหวาน ชา โกโก้ ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า เสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์ จริงหรือ




กรณีหญิงสาวรายหนึ่งเล่าประสบการณ์ป่วยโรคสโตรก ทำให้สมองตีบ อัมพาตครึ่งตัว เหตุเพราะไม่เคยดื่มน้ำเปล่ามานานกว่า 8 ปี แต่ดื่มนมเปรี้ยว ชา โกโก้ น้ำอัดลม น้ำสี น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มชูกำลัง แทนน้ำเปล่า เพราะคิดว่ายังไงก็คือน้ำ กระทั่งเลือดหนืดมาก ไหลเวียนช้า จับตัวเป็นก้อน จนเส้นเลือดในสมองตีบ

จากเหตุการณ์เมื่อปี 2564 ล้มทั้งยืน ปากเบี้ยว ชาครึ่งซีกซ้าย สมองบวมกลายเป็นอัมพฤกษ์ หมดเงินค่ารักษาครึ่งล้าน ใช้เวลาเกือบ 3 เดือน กว่าจะกลับมาเดินได้ทั้งกายภาพ ฝังเข็ม กระตุ้นไฟฟ้า ทานอาหารเสริม และแม้แขนซ้ายใช้งานได้ แต่เกิดอาการกระตุกเป็นระยะ ไม่สามารถจับหรือหยิบอะไรได้

สรุปแล้วการดื่มเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า ทำให้เลือดหนืดจนอุดตัน มีความเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์ จริงหรือ? เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจอย่างถูกต้อง “นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง “Dr.V Channel” ผู้เชี่ยวชาญโรคทางสมองระบบประสาท และโรคทั่วไป ระบุว่า การออกมาเตือนของหญิงสาวรายนี้เป็นประโยชน์เตือนให้คนดื่มน้ำให้มากขึ้น ทำให้คนตระหนักในเรื่องสุขภาพ และยังบอกถึงอาการอัมพฤกษ์ บอกถึงความเข้มแข็งกำลังใจในการรักษา แม้อาการดีขึ้น 80% โดยอาการอัมพฤกษ์ จะเกี่ยวกับการทรงตัว เห็นภาพซ้อน หน้าเบี้ยว ชาแขนขา พูดติดพูดขัด ต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อฉีดยาสลายลิ่มเลือดภายใน 4 ชม.ครึ่ง จะช้ากว่านี้ไม่ได้

ส่วนการไม่กินน้ำเปล่าเป็นสาเหตุทำให้เป็นอัมพฤกษ์หรือไม่นั้น จากบทความในเมดิซีนเน็ตดอทคอม บอกว่า จากการศึกษามากมายเกี่ยวกับการักษาสโตรก ถ้าดื่มน้ำอย่างพอเพียงจะช่วยทำให้คนมีอาการสโตรกดีขึ้นกว่าคนไม่ดื่มที่มีอาการสโตรก

นอกจากนี้ อาการขาดน้ำจะทำให้เลือดหนืด มีโซเดียมเพิ่มขึ้นในเลือด และความดันโลหิตสูงขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤกษ์ เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอจะป้องกันสภาวะขาดน้ำ ซึ่งทำให้เลือดที่อยู่ในร่างกายไหลเวียนได้ตามปกติ แต่การดื่มน้ำมากๆ ไม่ได้แปลว่าทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น เพราะคนดื่มน้ำมากเกินไป เป็นอันตรายเฉพาะคนที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งตัวบวมทางแพทย์จะมีการจำกัดน้ำ

หรือคนเป็นโรคไตระยะท้ายๆ ร่างกายจัดการกับน้ำที่มากเกินไปในร่างกายไม่ได้ และการดื่มน้ำมากๆ ในช่วงเป็นสโตรกยิ่งดื่มมาก ทำให้เกิดการสำลักน้ำ เกิดปอดอักเสบได้ ดังนั้นการดื่มน้ำมากไป ก็ไม่ได้มีผลในการป้องกันได้หรือมีผลดีเสมอไป ควรดื่มให้พอเหมาะพอดี ไม่ได้พูดถึงเฉพาะน้ำเปล่า แต่น้ำทั่วไปทั้งหมด เพราะนับเป็นน้ำหมด

ไม่ดื่มน้ำเปล่า ไม่ได้ทำให้เป็นอัมพฤกษ์

สรุปว่าเคสน้ำการดื่มน้ำที่เป็นน้ำสีตลอดเวลา ในความเห็นส่วนตัวมองว่าไม่ดี เพราะน้ำเปล่าเป็นยาที่ดีที่สุด ขอให้พยายามดื่มน้ำให้เหมาะสมกับร่างกายของเรา และส่วนตัวดื่มน้ำวันละประมาณ 2-3 ลิตร ส่วนใหญ่เป็นน้ำเปล่า มีน้อยมากๆ ที่ดื่มกาแฟ หรือชา

“คนชอบดื่มน้ำหวาน น้ำสีต่างๆ มันก็มีน้ำ เพียงแต่ว่ามีอย่างอื่นผสม เช่น น้ำตาล ซึ่งไม่คอยดีเท่าไร หรือครีม เป็นต้น บางคนกินกาแฟเยอะมาก ซึ่งกาแฟก็ดี แต่ถ้ามีคาเฟอีนมากไปก็ไม่ดี หากอยู่ในน้ำสีเหล่านั้น แม้แต่สีที่เป็นส่วนผสมไม่รู้ดีหรือไม่ดี สรุปแล้วน้ำเปล่าดีมาก และการไม่ดื่มน้ำไม่ได้ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ แต่ควรดื่มน้ำให้พอเพียงในแต่ละวันนั้น และจากการศึกษาการดื่มน้ำช่วยให้อาการเป็นอัมพฤกษ์ดีขึ้นได้”

สำหรับอาการอัมพฤกษ์ทั่วๆ ไป เกิดจากความดันโลหิตสูง ต้องรักษาให้ดี เกิดจากไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นความเสี่ยงจะเกิดอัมพฤกษ์ เบาหวาน มีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์ และคนที่มีแนวโน้มลิ่มเลือดอุดตันง่าย ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม จากภาวะที่มีเลือดหนืด ปัจจัยต่างๆ ในเลือดผิดปกติ มีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์ได้ รวมถึงโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า สิ่งเหล่านี้เป็นความเสี่ยงจริงๆ จะเป็นอัมพฤกษ์ ไม่ได้บอกว่าไม่ดื่มน้ำเปล่าจะเป็นอัมพฤกษ์

ในกรณีการดื่มเหล้า มีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์ เพราะมีแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป แต่ถ้าดื่มเล็กน้อย มีรายงานหลายรายงานที่บอกว่าป้องกันอัมพฤกษ์ได้ เพราะฉะนั้นถ้ากลัวจะเป็นอัมพฤกษ์ ควรทำอย่างไร จะต้องคุมความดันให้ดีในคนที่ความดันโลหิตสูง คุมไขมันให้ดี ต้องรักษาเบาหวานให้ดี

หากมีแนวโน้มจะมีเลือดหนืด หรือเลือดจับก้อนได้ง่าย ต้องได้รับการรักษา ถ้าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะต้องรักษา พยายามงดบุหรี่เลิกบุหรี่ให้ได้ พยายามไม่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ต้องพยายามออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์

“ถ้าทำเรื่องเหล่านี้ได้ เชื่อว่าความเสี่ยงเป็นโรคอัมพฤกษ์จะน้อยลงมากๆ และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวัน สามารถทำให้มีสุขภาพที่ดีได้”.