จะซื้อก็ให้รีบ NEW MG5 ปรับราคาใหม่เริ่ม 1 มีนาคมนี้ แพงขึ้น 10,000 บาท ทุกรุ่น




จู่ๆ เฮียเม้ง MG ก็ประกาศปรับราคาของซีดานรุ่นใหม่อย่าง new MG5 โดยราคาเดิมที่ขายในช่วงเปิดตัวเมื่อกลางปีที่ผ่านมา (20 ก.ค. 2564) จะถูกปรับเพิ่มรุ่นละ 10,000 บาท ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ สำหรับราคาใหม่ที่แพงขึ้นหมื่นบาท ยังไม่ได้มีการแจ้งรายละเอียดหรือสาเหตุของการปรับราคาเพิ่มในครั้งนี้ แต่อาจเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นส่วนต่าง ปัญหาซัพพลายเชน เซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังขาดแคลนอย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมาหลังการแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วงของไวรัสโควิด-19 

ราคาเดิมก่อนปรับและราคาใหม่ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มีนาคม 2565 

NEW MG5 รุ่น C ราคาเดิม 559,000 บาท ราคาใหม่วันที่ 1 มีนาคม 2565 569,000 บาท

NEW MG5 รุ่น D ราคาเดิม 599,000 บาท ราคาใหม่วันที่ 1 มีนาคม 2565 609,000 บาท 

NEW MG5 รุ่น X ราคาเดิม 689,000 ราคาใหม่ วันที่ 1 มีนาคม 2565 699,000 บาท

ราคาใหม่ 699,000 บาท สำหรับรุ่นท็อป MG5 X คุณจะได้รถซีดานหน้าโหดที่ติดตั้งเครื่องยนต์ของรถ MG ZS พร้อมงานตกแต่งภายในที่ทำให้รถญี่ปุ่นต้องกลับไปคิดใหม่ทำใหม่ MG5 มากับความดุดันของด้านหน้า กระจังหน้า 3 มิติ Digital Burning Grille กระจังดำเงาลายตะแกรงทำจากพลาสติก ไฟหน้าใช้ทรงคล้ายกับไฟของ Mercedes-Benz CLA ติดตั้งระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ รูปแบบของการส่องสว่างด้วยหลอด LED Projector ที่เฉียบก็คือ ไฟส่องสว่างกลางวัน Daytime Running Light ออกแบบได้คมกริบ นับเป็นความกล้าของดีไซเนอร์ในค่าย MG ที่ใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่ ทำจากพลาสติกสีดำ รูปแบบของกระจังหน้า ติดตั้งแทนกันชนหน้าได้อย่างกลมกลืน ช่องรับอากาศขนาดใหญ่ของชุดกระจังครอบคลุมตั้งแต่ด้านบนไปจนถึงชายล่าง ฝากระโปรงหน้า ยกสันนูนตามสมัยนิยมบริเวณขอบของแก้มข้าง ระยะโอเวอร์แฮงก์หน้าที่ไม่ยื่นยาวมากจนเกินไป ทำให้ส่วนหน้าของ MG5 ดูสมบูรณ์แบบ บวกกับทรงที่ทันสมัยของชุดไฟและกระจังใหม่

ห้องโดยสาร มีรูปแบบที่ทันสมัยกว่าเดิม ในจุดนี้ถือว่า MG มีความตั้งใจในการปรับดีไซน์ภายในให้ลงตัวและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ถือว่าทำออกมาได้ดี มีความน่าใช้งาน จากรูปแบบของคอนโซล เบาะ และอุปกรณ์พวกจอภาพ TFT รวมถึงความใส่ใจในการเติมความหรู ห้องโดยสารของ NEW MG5 มีพื้นที่วางเท้า และพื้นที่เหนือศีรษะ Headroom เบาะหนังสังเคราะห์ทรงสปอร์ต เน้นความนุ่มของตัวเบาะและโทนสีที่ตัดกันคล้ายกับสไตล์การออกแบบของรถสปอร์ตในยุค 1990 จุดเด่นของตัวเบาะที่เล่นสีแดง เทา และสีครีม เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง แผงคอนโซล 3D Diamond Design บริเวณแผงคอนโซลที่ตกแต่งด้วยชิ้นงานพลาสติกสีเทาดำ MG5 ยังมีอุปกรณ์สร้างความเท่ แต่ไม่ค่อยได้ใช้งานอย่าง หลังคา Sunroof สำหรับจอภาพมอนิเตอร์กลาง ติดตั้งหน้าจอ Touchscreen ขนาดความยาว 10 นิ้ว อยู่ด้านบนกึ่งกลางของคอนโซล สั่งงานด้วยการแตะที่จอภาพ ควบรวมระบบต่างๆ เช่น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม การปรับตั้งค่าต่างๆ ระบบอินโฟเทนเมนต์ มาตรวัดเปลี่ยนมาใช้จอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด TFT 7 นิ้ว พวงมาลัยทรงสามก้าน พร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ กระจกมองหลังแบบตัดแสง ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เครื่องเสียงติดตั้งลำโพง 6 ตำแหน่งรอบห้องโดยสาร ระบบอินโฟเทนเมนต์ รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start ระบบปรับอากาศดิจิทัล ใส่กรองอากาศป้องกัน PM 2.5 มาให้ด้วย

NEW MG5 ใช้เครื่องยนต์ของ MG ZS เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง แบบ 4 กระบอกสูบ ความจุ 1.5 ลิตร ไม่มีระบบอัดอากาศ มีกำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติสายพายพูเลย์ CVT อัตราทดแปรผัน 8 สปีด ระบบรองรับ MG แจ้งว่า NEW MG5 ใช้ช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และระบบที่ส่งเสริมการขับในด้านต่างๆ ช่วงล่างด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลัง ทอร์ชันบีม

อุปกรณ์และระบบความปลอดภัย

หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิทัล

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ

ระบบพวงมาลัย Rack and Pinion ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)

ช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง

ช่วงล่างหลัง Torsion Beam

เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)

ระบบความปลอดภัย
NEW MG5 ใช้โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) Synchronized Protection System ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ซึ่งมีการผสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียว

ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold)
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยแบบดึง
รั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)

All New MG5 ติดตั้งระบบปฏิบัติการ i–SMART เชื่อมต่อยุคดิจิทัล พร้อมเทคโนโลยีใหม่ Digital Key สามารถใช้งานรถผ่านกุญแจดิจิทัล โดยรับ-ส่งโค้ดจากแอปพลิเคชัน i-SMART สั่งการ เปิด-ปิด และสตาร์ตรถยนต์ รวมถึงการส่งกุญแจดิจิทัลให้กับผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน i-SMART

Smart Command หรือ ระบบสั่งการอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย

กุญแจดิจิทัล
ระบบสั่งการผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย
ควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
ค้นหาข้อมูลจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ และวางแผนการเดินทาง Travel Plan จากสมาร์ทโฟนส่งเข้าหน้าจอทัชสกรีนของรถได้
โทรออก-รับสายจากจอทัชสกรีน
สามารถติดต่อ MG Call Centre เพื่อสอบถามข้อมูล หรือขอรับจุดน่าสนใจ (Point of Interest) ด้วยปุ่มลัดบนพวงมาลัย Smart Connect หรือระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
เล่นเพลงทั้งรูปแบบออนไลน์และสตรีมมิง
ค้นหาร้านอาหาร ที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวบนแผนที่นำทาง
รายงานการจราจรแบบ Real Time
เรียกดูข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน และข้อมูลพยากรณ์สภาพอากาศ
อัปเกรดระบบต่างๆ ผ่านออนไลน์ (FOTA)

Smart Check หรือระบบตรวจเช็ก ประกอบไปด้วย
ตรวจสอบสถานะของประตูรถ
ตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอกเส้นทางไปยังรถยนต์ผ่านฟังก์ชัน FIND MY CAR โดยกำหนดให้รถเปิดไฟหน้า ไฟท้าย หรือใช้เสียงแตรผ่านการตั้งค่า
ตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ ลมยาง และถุงลมนิรภัย
ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถ
กำหนดขอบเขตการใช้รถได้ตั้งแต่ 500 ม. ถึง 10 กม. โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อรถเข้า-ออกในขอบเขตที่กำหนดไว้

All New MG5 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็น รุ่น C รุ่น D และรุ่น X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 6 สี
ได้แก่
สีเหลือง (Nuclear Yellow)
สีขาว (Arctic White)
สีดำ (Black Knight)
สีเงิน (Silver Metallic)
สีแดง (Scarlet Red)
สีเทา (Metal Ash Grey)

อาคม รวมสุวรรณ
[email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/