คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรเข้ารับวัคซีนอะไรบ้าง และวัคซีนใดที่ห้ามฉีด




เพราะช่วงขณะตั้งครรภ์ ไม่เพียงต้องให้ความสำคัญในการดูแลคุณแม่..แต่ยังต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของทารกในครรภ์ “วัคซีน” จึงเป็นเสมือนตัวช่วย ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันอันตรายจากการติดเชื้อให้กับแม่และลูกน้อยในครรภ์ให้ปลอดภัยจนถึงกำหนดคลอดได้

วัคซีนสำคัญ…ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรฉีด มีอะไรบ้าง?

  • วัคซีนป้องกันบาดทะยัก (Tetanus) เพื่อให้ภูมิคุ้มกันส่งไปถึงลูกน้อยและเป็นผลดีกับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยในผู้ใหญ่แนะนำให้ฉีดทุกๆ 10 ปี แต่ในกรณีคุณแม่ตั้งครรภ์บางท่านที่อาจจะไม่ได้รับวัคซีนเป็นเวลานานแล้ว แนะนำให้รับวัคซีนเพื่อช่วยในเรื่องของบาดแผล เนื่องจากการคลอดบุตรจะมีแผลเกิดขึ้นไม่ว่าจะคลอดธรรมชาติหรือผ่าตัดคลอด วัคซีนป้องกันบาดทะยักคุณหมอจะฉีดให้คุณแม่ตั้งครรภ์ 2 เข็ม ซึ่งภูมิคุ้มกันจะส่งไปถึงลูกในครรภ์ โดยฉีดเข็มแรกเดือนที่ 1 และเข็มที่ 2 ในเดือนที่ 6 แต่ถ้าในกรณีฉีดครบ 3 เข็ม ภูมิจะคุ้มกันในส่วนของคุณแม่ตั้งครรภ์อีกด้วย โดยเข็มที่ 3 จะฉีดหลังคลอดไปแล้วนั่นเอง
  • วัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โดยฉีดได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 27 – 36 สัปดาห์ ช่วยปกป้องคุ้มกันคุณแม่ เนื่องจากในไตรมาส 3 ภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อจะลดน้อยลง ทำให้คุณแม่ไม่ป่วยและติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งถ้าแม่ตั้งครรภ์ป่วยหรือติดเชื้อจะทำให้มีโอกาสคลอดก่อนกำหนดได้ โดยวัคซีนชนิดนี้เป็นวัคซีน 3 ชนิด ที่ฉีดพร้อมกันใน 1 เข็ม อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคบาดทะยัก ป้องกันการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตร
  • วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ทำอันตรายกับคนท้องมากกว่าคนธรรมดา หากเป็นแล้วจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง โดยส่วนใหญ่การรับวัคซีนควรฉีดทุกๆ 1 ปี ในหญิงตั้งครรภ์จะรับวัคซีนในไตรมาสที่ 3 หลัง 28 สัปดาห์

แต่ทั้งนี้…ยังมี “วัคซีนที่ห้ามฉีดระหว่างตั้งครรภ์” ด้วยนะ

ซึ่งวัคซีนที่ไม่ควรฉีดขณะตั้งครรภ์ ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคสุกใส (Varicella) งูสวัด (Zoster) และวัคซีนคางทูม หัด หัดเยอรมัน ( Measles, mumps, rubella) เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น อาจทำให้ทารกในครรภ์ติดเชื้อและเกิดความพิการที่อวัยวะต่างๆ เช่น หู ตา หัวใจ แขน ขา และสมอง ดังนั้นหากต้องการวางแผนที่จะมีบุตรก็ควรฉีดวัคซีนตัวนี้ก่อนตั้งครรภ์ โดยหากต้องการฉีดวัคซีน หัดเยอรมัน (Rubella vaccine) นั้น แนะนำให้ฉีดก่อนตั้งครรภ์มากกว่า 1 เดือนหรือฉีดหลังคลอดทันที 1 เข็ม และฉีดเข็มที่สองห่างจากเข็มแรกหนึ่งเดือน เป็นต้น

บทความโดย : พญ.ธาริณี ลำลึก สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ศูนย์สุขภาพหญิง รพ.พญาไท 2