ขับดีสมศักดิ์ศรีเจ้าตลาด ทดสอบ TOYOTA FORTUNER GR SPORT แพง…แต่ดี!




สิ่งที่คุณจะได้รับหลังการซื้อรถยนต์ Toyota ก็คือ ความแข็งแกร่งทนทาน รถ PPV ของพี่โตถูกสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน ท่ามกลางภูมิประเทศที่มีความหลากหลายของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของยานยนต์ดัดแปลงแบบ PPV รถ Fortuner ได้รับความนิยมสูงสุดจากตัวเลขยอดขาย เป็นรถอเนกประสงค์ที่ครองตำแหน่งแชมป์ยอดขาย PPV ในประเทศไทยนานหลายปี แม้จะมีคู่แข่งอย่าง MU-X และ Everest ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Isuzu MU-X สามารถขึ้นนำยอดขาย แต่ก็เพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น รถ PPV รุ่นยอดนิยมของ Toyota ที่เห็นวิ่งกันเกลื่อนถนน ไม่ได้เกิดขึ้นจากรูปทรงแค่เพียงอย่างเดียวที่ทำให้มันขายดี Fortuner ยังมีการขับที่ดี และมีบริการหลังการขายที่คอยเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมให้ยอดขายนำโด่ง การเปิดตัว Fortuner Legender รุ่นปรับโฉม เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2563 พร้อมกับปรับหน้าตาใหม่ให้ทันสมัยน่ามองมากยิ่งขึ้น จัดอุปกรณ์ในระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่ ทำให้ Legender ที่เป็นรถรุ่นหนึ่งในโมเดล Fortuner ที่ยังคงครองความเป็นเจ้าตลาด หลังจากนั้น พี่โดก็ยังกระตุ้นความอยากของคนที่ชอบการแต่งรถ ด้วยรถ Fortuner เวอร์ชันตกแต่งพิเศษ GR Sport เป็นรถที่ไม่ได้มาแค่สติกเกอร์หรือตราสัญลักษณ์ แต่ลงลึกไปถึงไดนามิกของการขับที่ถูกปรับให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

รุ่นและราคา Toyota Fortuner 2021

Toyota Fortuner 2.8 GR Sport AT 4WD สีดำ Attitude Black Mica 1,879,000 บาท

Toyota Fortuner 2.8 GR Sport AT 4WD สีแดง Emotional Red หลังคาสีดำ Black Top 1,899,000 บาท

Toyota Fortuner สีขาวมุก White Pearl หลังคาดำ Black Top 1,899,000 บาท

การเพิ่มทางเลือกสำหรับคนที่กำลังอยากได้รถอเนกประสงค์ Toyota Motor Thailand นำ Fortuner พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกและภายใน นั่นก็คือ Toyota Fortuner GR Sport แต่งโหดตามแนวทางของสำนักแต่ง Gazoo Racing สำหรับ Toyota Fortuner GR Sport รถรุ่นพิเศษที่มีการตกแต่งเพิ่มเติมจาก Fortuner Legender จากการออกแบบชุดแต่งที่ลงตัวของสำนัก Gazoo Racing ซึ่งเป็นทีมแข่งระดับอินเตอร์ของ Toyota เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ดีเซลเทอร์โบ 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ช่วงล่างที่ปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ในจุดนี้ ถือว่าทำออกมาได้อย่างโดนใจ  ระบบรองรับที่มีการปรับเปลี่ยนโช้คอัพใหม่ เหมาะสมกับการขับขี่ทั้งในเมือง และออฟโรด โช้คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ผ่านการดสอบ และทำการปรับตั้งมาเป็นพิเศษเพื่อประสิทธิภาพในด้านการทรงตัวและความนุ่มนวล Toyota แจ้งว่า การปรับปรุงระบบรองรับทำให้ Fortuner GR Sport นั่งได้สบายขึ้น ลดอาการโคลงตัว ซึ่งก็สามารถทำได้อย่างที่พูดจากการขับทดสอบทางไกล การปรับเปลี่ยนโช้คอัพใหม่ให้ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น เป็นการเพิ่มเติมความผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะอาการโคลงตัวนั้นลดลงไปมาก Fortuner รุ่น Legender 2.8 ลิตร GR Sport ยังมีการเพิ่มระบบความปลอดภัยใหม่ เช่น ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง และระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ พร้อมกล้องมองรอบคัน พร้อมชุดแต่ง GR Sport ที่แตกต่างไปจาก Modellista เป็นดีไซน์ที่มีความแปลกแยกไปจาก Fortuner รุ่นมาตรฐานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

รูปลักษณ์ภายนอกคล้าย Legender แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบกับความแตกต่าง Fortuner GR Sport จัดของแต่งภายนอกมาให้รอบคันแบบครบๆ เช่น กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ GR กันชนหน้าพร้อมชุดตกแต่งสีดำเงา มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ สปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต ล้ออัลลอยลายใหม่แบบ 10 ก้านคู่สีทูโทน ดำสลับเงิน ขนาด 18 นิ้ว จาก GR Sport คาร์ลิปเปอร์เบรกหน้าสีแดง แปะตราสัญลักษณ์ GR ที่มีขนาดเล็กมาก ยาง A/T dunlop PT3A grandtrek ไซส์ 265/50R20

มิติตัวถังของ Toyota Fortuner GR Sport เหมือนกับรุ่น Legender  โดยมีขนาดความยาวของตัวถัง 4,795 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร สูง 1,835 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร ระยห่างล้อหลัง 1,555 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 193 มิลลิเมตร มิติภายใน ยาว 2,487 มิลลิเมตร กว้าง 1,478 มิลลิเมตร สูง 1,103 มิลลิเมตร ฝาท้ายไฟฟ้า ฃ่วยทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นเมื่อขนสัมภาวะ งานตกแต่งส่วนท้าย โดยเฉพาะตัวถังสีแดง มีความสวยงามลงตัว จากไฟท้ายทรงยาวหลอด LED สัญลักษณ์ GR Sport ที่มุมด้านขวาของฝาท้าย กันชนหลัง GR ที่มุมของกันชนทั้งสองข้างติดตั้งพลาสติกมัลติรีเฟคเตอร์ สำหรับตำแหน่งของไฟเบรกดวงที่สาม อยู่กึ่งกลางด้านบนของกระจกบังลมบานฝาท้าย ขอบของสปอยเลอร์หลังที่ติดอยู่บนหลังคามีสีเงา ตัดขอบด้วยสีแดง  

ห้องโดยสารของ Fortuner 2.8 GR Sport 4WD มีความยาว 2,487 มิลลิเมตร กว้าง 1,478 มิลลิเมตร และสูงถึง 1,103 มิลลิเมตร เบาะแบบ 7 ที่นั่ง หุ้มหนังโทนสีดำสลับแดง หนังแบบไมโครไฟเบอร์แบบหนังกลับสไตล์สปอร์ต เน้นความหรูหราจากโทนสีและการเลือกใช้หนังสังเคราะห์ที่มีคุณภาพ การจัดวางอุปกรณ์ใช้งานภายใน มีการเน้นคนขับเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้งาน เบาะคู่หน้าเย็บเดินตะเข็บคู่ปักตราสัญลักษณ์ GR ที่พนักพิงศีรษะ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าและเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า สามารถปรับท่านั่งได้อย่างหลากหลาย พวงมาลัยแบบปรับ 4 ทิศทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการนั่งโดยสารหรือนั่งขับ เบาะคนขับสามารถปรับให้สูงมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของการมอง โดยภาพรวม เบาะนั่งหุ้มหนังของ Fortuner Legender นั่งสบายก้น แม้จะขับกันทั้งวันก็ไม่ทำให้รู้สึกเมื่อย หรือไม่สบายแผ่นหลัง พนักพิงศีรษะที่ออกแบบมาเป็นอย่างดียังช่วยรองรับส่วนหัวของคนนั่งและคนขับให้มีความสบาย ไม่ดันหัวจนรู้สึกปวดต้นคอเหมือนรถบางยี่ห้อ!

ตำแหน่งของเบาะแถวสองที่สามารถเลื่อนหรือพับเพื่อเปิดพื้นที่เข้าออกสำหรับเบาะแถวสาม มีการออกแบบให้ใช้งานได้สะดวก แต่เบาะแถวสามหลังสุดมีพื้นที่ไม่มาก ไม่แนะนำให้คนที่มีรูปร่างสูงเข้าไปนั่ง เหมาะสำหรับพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ หรือให้เด็กตัวเล็กๆ นั่งมากกว่าจะให้ผู้ใหญ่นั่งโดยสารทางไกล พื้นที่วางขาของเบาะแถวสองมีพอให้ไม่รู้สึกอึดอัด ส่วนเบาะแถวสุดท้าย ถ้าไม่ค่อยได้ใช้งานก็พับเก็บได้แบบพับแอบติดแนวเสาท้าย การออกแบบจุดพับยังเป็นรองรถ PPV บางรุ่นที่สามารถพับเบาะราบไปกับพื้น เมื่อมีผู้โดยสารสามคน พื้นที่ใช้สอยที่พอเพียงไม่สร้างความรู้สึกคับแคบ แต่เบาะแถวหลังสุดหรือแถวที่สามนั้นมีพื้นที่วางเท้าไม่มากนัก ทำให้ไม่เกิดประโยชน์ในการใช้งานจริงเท่าที่ควร  

แดชบอร์ดและคอนโซลของเดิมออกแบบมาดีอยู่แล้ว แค่เติมชิ้นงานตกแต่งที่แสดงออกถึงความเป็นรถ GR ก็เรียกลูกค้าได้แล้ว สำหรับการตกแต่งเพื่อเพิ่มความหรู แดชบอร์ดหนังสังเคราะห์สีดำเย็บเดินตะเข็บตัดขอบด้วยด้ายสีแดง หนังสังเคราะห์สีเทาดำที่ตกแต่งแผงประตู คอนโซล แดชบอร์ด ที่เดินด้ายแดงตัดกันอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้ภายในมีความสปอร์ตและแตกต่างไปจากภายในของ Fortuner รุ่นมาตรฐาน การจัดวางอุปกรณ์บริเวณคอนโซลกลางอย่างเต็มรูปแบบเพิ่มความน่าใช้งาน ช่องแอร์ด้านบนกึ่งกลางคอนโซลหุ้มด้วยพลาสติกโครเมียมสีเงิน จอมอนิเตอร์แสดงผลกลางขนาด 9 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส พร้อมด้วยเครื่องเล่น DVD การเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบบูลทูธ กล้องมองภาพด้านหลัง ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และระบบนำทางด้วยดาวเทียมพร้อมเมนูภาษาไทยในทุกฟังก์ชั่นเพื่อความง่ายในการใช้งาน ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB / iPOD / AUX ระบบ T-Connect ไม่ต้องกลัวรถหายอีกต่อไป สามารถเช็กตำแหน่งรถตามเวลาจริง (Real Time) ได้ทุกที่ ทุกเวลา รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Track) และระบบประสานความช่วยเหลือ SOS ของ Toyota ตลอดเวลา บริการแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับเข้าศูนย์บริการ Telematic Care

เครื่องเสียงพอไปวัดไปวาได้ในตอนสายๆ Fortuner GR จัดชุดลำโพง JBL 9 Positions, 11 Speakers (Including Sub-Woofer) กำลังขับพอใช้ได้ ไม่ถึงกับแหล่ม ถ้าจะเอาดีกว่าของโรงงานก็ต้องไปที่ร็อกเก็ตซาวด์เพื่ออัปเกรดลำโพงเอง

พวงมาลัยเป็นอุปกรณ์ที่คุณจะต้องจับไปตลอดการขับ ถ้าทำออกมาไม่ได้เรื่องมันจะเสียอารมณ์เวลาใช้งาน พวงมาลัย GR แบบสามก้าน หุ้มหนังเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดงเพื่อเชื่อมโยงกับงานตัดเย็บบนแดชบอร์ดและเบาะนั่ง พวงมาลัย GR มาพร้อมสวิชท์มัลติฟังก์ชั่นทั้งควบคุมโหมดต่างๆ การปรับระดับความดังของลำโพง ปุ่มสั่งงานด้วยเสียงที่ไม่ค่อยได้ใช้ กับปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บูลทูธ ปุ่มที่ก้านวงด้านขวา เป็นปุ่มควบคุมจอภาพแสดงผล MID ที่อยู่กึ่งกลางมาตรวัด นอกจากนั้นยังมีปุ่มควบคุมการทำงานของระบบรักษาช่องทางและสัญญาณแจ้งเตือน พวงมาลัย GR มีการเย็บหนังสีแดงเอาไว้ตรงกึ่งกลางแบบพวงมาลัยของรถสปอร์ต คล้ายกับพวงมาลัยของ Ford Ranger Raptor ที่ใช้ตำแหน่งสีแดงกลางพวงมาลัยเอาไว้กะระยะองศาของการหมุน พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ทั้งสูง-ต่ำ หรือ ใกล้-ไกล ก้านวงจับถนัดมือด้วยหนังแท้ สวิตช์สั่งงานแบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียง การรับหรือวางสายโทรศัพท์ การเลือกดูจอแสดงผล MID ในโหมดต่างๆ รวมถึงก้านสวิตช์สำหรับปรับตั้งระบบตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ใช้งานได้ง่าย หลังวงพวงมาลัยมีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift ติดมาให้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนขับ เมื่อต้องขับบนทางคดเคี้ยวหรือเส้นทางภูเขา ซึ่งมีการเปลี่ยนอัตราทดไปตามสภาพเส้นทาง และตามความต้องการของคนขับบ่อยครั้ง

มาตรวัดแบบเรืองแสง Optitron สามารถอ่านค่าต่างๆ ได้ง่าย ทั้งการหมุนจากวัดรอบเครื่องยนต์ สปีดความเร็ว รวมถึงการเรียกดูข้อมูลจากจอแสดงผลขนาดเล็ก MID multi information display ที่อยู่ตรงกึ่งกลางของมาตรวัดรอบและมาตรวัดความเร็ว เป็นหน้าจอสีแบบ TFT thin film transistor สามารถปรับตั้งค่าการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสวิตช์ควบคุมบริเวณก้านวงพวงมาลัย จอ MID แจ้งเตือนการทำงานและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลของระบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ ข้อมูลการขับขี่แบบ ECO ข้อมูลของระบบนำทางด้วยดาวเทียม ข้อมูลจากอุปกรณ์เล่นเพลง ตำแหน่งของเกียร์ออโต้ อุณหภูมิภายนอก รวมถึงทริปมิเตอร์ A/B

ระบบปรับอากาศของ Fortuner Legender ใช้การควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารด้วยระบบแอร์แบบดิจิทัลแยกโซนแบบ 2 ตอน คอยควบคุมแรงลมจากช่องแอร์แบบอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์บริเวณแถวที่ 2-3 ซุ้มคันเกียร์มีการใช้งานพลาสติกที่ลอกเลียนแบบลายคาร์บอนไฟเบอร์ ทำออกมาดูดีพอใช้ได้ ส่วนคันเกียร์ออโต้ 6 สปีด พร้อมตำแหน่งชิปเกียร์เอง Sequential Shift จะใช้วิธีชิปเกียร์ขึ้น-ลงที่คันเกียร์ หรือชิปเกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift หลังวงพวงมาลัยก็ได้

เครื่องยนต์ดีเซลความจุ 2.8 ลิตร เทอร์โบ มีการลงมือลงแรงในหลายจุด เพื่อทำให้เครื่องยนต์มีแรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น ตอบสนองต่อการใช้งานดีขึ้น เป็นอีกจุดที่ปรับแต่งแล้วมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเห็นๆ หัวใจรุ่นสูงสุดของ Fortuner GR Sport วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1GD FTV (High) แบบแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว DOHCVN Turbo พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ ปริมาตรความจุ 2,755 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6:1 กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ติดตั้งระบบ Stop & Start ระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชันระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 6 สปีด พร้อม Paddle Shift ระบบอัดอากาศ ใช้เทอร์โบแบบบอลแบร์ริ่ง ชุดบาลานซ์ชาร์ปลดแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ การปรับจูนกล่องควบคุมเครื่องยนต์ใหม่หมดทำให้เครื่อง 1GD FTV ที่ถูกปรับแต่งมีแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิมพอสมควร

เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ก่อนการปรับแต่ง จะเห็นตัวเลขได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างในด้านแรงม้าและแรงบิด เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 กระบอกสูบ VN Turbo เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 6AT with Sequential Shift and Paddle Shift กำลังสูงสุดอัปจาก 130 กิโลวัตต์ หรือ 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที เป็น 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า ส่วนแรงบิดของเครื่อง 2.8 ลิตร รุ่นที่แล้วซึ่งทำได้ 450 นิวตันเมตร พอเปลี่ยนเป็นรุ่น Legender ตัวท็อป และรุ่น GR Sport  เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร VN Turbo ถูกปรับจูนให้แรงฉุดลากพุ่งเป็น 500 นิวตันเมตร ทำให้มีประสิทธิภาพด้านแรงฉุดลากที่มากกว่าเดิมอีก 50 นิวตันเมตร ขับสนุกและมีกำลังมากพอที่จะบรรทุกทั้งคนและสัมภาระแบบเต็มคัน ในการใช้งานสำหรับการเดินทางไกลได้ดี โดยเฉพาะเส้นทางภูเขาสูงชัน ระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์ เลือกโหมดการขับขี่ได้ ทั้งโหมด H2 H4 และ L4 ผสานการทำงานร่วมกับระบบ DAC และ A-TRC (เฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ระบบเบรกติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อ ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบปีกนกคู่ดับเบิลวิชโบน (Double Wishbone with Stabilizer and Monotube Shock Absorber ) ด้านหลังเป็นแบบ 4 ลิงก์ (4 Link & Coil Suspension with Stabilizer Bar and Shock Absorber Only Legender) ระบบบังคับเลี้ยวแบบใหม่ Rack & Pinion Power Steering (VFC) น้ำหนักพวงมาลัยสามารถปรับแปรผันไปตามความเร็ว รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร วงเลี้ยวในโหมด 4WD จะกว้างขึ้นอีกเล็กน้อยโดยเฉพาะโหมด 4 Low

Toyota Fortuner 2.8 GR Sport AT 4WD สีแดง Emotional Red หลังคาสีดำ Black Top รถทดสอบของ Toyota Motor Thailand ราคา 1,899,000 บาท แพงสุดในกลุ่ม PPV หรือรถกระบะที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นรถอเนกประสงค์ เทียบราคากับรถคู่แข่งเรียงลำดับยอดขายไล่มาให้ดูกันชัดๆ ดังนี้  Isuzu MU-X 4×4 DDi Ultimate 6A/T  มีราคา 1,599,000 ถูกกว่า Fortuner GR Sport ถึง 300,000 บาท Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT Premium 4WD 6A/T ราคา 1,603,000 บาท ถูกกว่า GR Sport 260,000 บาท Ford Everest Titanium Plus 2.0 4×4 10 A/T ราคา 1,799,000 บาท ก็ยังถูกกว่าพี่โต 100,000 บาท ส่วน Nissan Terra 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,499,000 บาท จัดเต็มอุปกรณ์และการขับขี่ที่เอาใจครอบครัวขนาดใหญ่ มีค่าตัวถูกที่สุดในกลุ่ม PPV รุ่นท็อปสุด ถูกกว่า Fortuner GR Sport ถึง 400,000 บาท 

แพงแต่ดี! เริ่มจากของแต่ง GR Sport รอบคันที่แตกต่างไปจาก Fortuner Modellista โดยเฉพาะการล้วงเข้าไปปรับระบบรองรับให้แนบแน่นกับผิวถนนและมีอาการโคลงตัวลดลง GR Sport รถรุ่นพิเศษที่มีการตกแต่งเพิ่มเติมจาก Legender จากการออกแบบชุดแต่งสปอร์ตของสำนัก Gazoo Racing ซึ่งเป็นทีมแข่งของ Toyota ช่วงล่างที่เหมาะสมกับแรงบิด ปรับตั้งให้รองรับการขับขี่ทั้งในเมือง และออฟโรด โช้คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ผ่านการดสอบหนักหน่วง เพื่อประสิทธิภาพในด้านการทรงตัวและความนุ่มนวล Toyota แจ้งว่า การปรับปรุงระบบรองรับทำให้ Fortuner GR Sport นั่งได้สบายขึ้น ลดอาการโคลงตัว เป็นการเพิ่มเติมความผ่อนคลายระหว่างการเดินทางไกล พอขับทดสอบออกทางไกล โดยใช้เส้นทาง บางบัวทอง สุพรรณบุรี เลาขวัญ เขาโจด พุเตย บ้านใต้ มีทั้งทางราบตรงยาวและทางโค้งขึ้นลงเนินสูงชัน ฃ่วงล่างท่ีเป็นจุดเด่นของ GR Sport สำแดงฤทธิ์เดฃด้านการยึดเกาะขณะทำความเร็ว การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งหรือขณะที่ใช้เบรกหนักๆ ทำได้ดีขึ้นอย่างที่บอกจริง

พวงมาลัยเพาเวอร์สายพาน ปรับตั้งมาให้มีน้ำหนักที่พอดี มีความแม่นยำอยู่ในระดับปานกลาง แต่มีระยะฟรีตรงกลางไม่มากนัก ทำให้ระบบบังคับเลี้ยวของ Fortuner GR Sport เที่ยงตรงใช้ได้ เคยถามวิศวกรของ Toyota ว่าทำไมไม่ทำพวงมาลัยไฟฟ้าให้กับรถขายดีอย่าง Fortuner ซะที คำตอบที่ได้รับก็คือ พวกเค้าได้พยายามกันแล้ว แต่แรคพวงมาลัยที่เน้นการใช้งานหนักนั้นไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อควบคุมน้ำหนักของพวงมาลัยเหมือนใน Ford Evberest ซึ่งถือเป็น PPV  ที่มีการขับดีสุดเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งในระดับเดียวกัน พวงมาลัยเมื่อขับเร็วจะมีน้ำหนักที่เบาขึ้น แต่ก็ไม่ได้เบาจนทำให้ขาดความมั่นใจ สำหรับระยะของการเลี้ยวกลับลำยังคงใช้พื้นท่ีกว้างพอสมควร จุดที่ดีเป็นเรื่องของความคงทน รองรับการขับลุยทางโหดวิบากสาหัสได้ตามสไตล์ของรถพี่โต แต่ถ้าคิดจะเอาไปลุยหนักๆ ควรเปลี่ยนยางให้เป็นยางออฟโรดเต็มรูปแบบก็จะตะกุยเอาตัวรอดได้ดีกว่ายางเดิมติดรถ 

เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 2.8 ลิตร กับเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อนสี่ล้อ ถ่ายเทแรงบิดได้อย่างเหลือเฟือ ทั้งการเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า หรือปั่นล้อในโหมด 4Low เพื่อเอาตัวรอดจากหล่มโคลน แรงฉุดลาก 500 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 10.8 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดเฉียดๆ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเร็วใช้ได้และอยู่ในอันดับต้นๆ เลยทีเดียวเมื่อเทียบกับตัวเลขสมรรถนะด้านอัตราเร่งของรถคู่แข่ง Fortuner GR Sport เป็นรถอเนกประสงค์ที่เร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่องแบบไปตามเท้าสั่ง ทางขึ้นเนินยาวๆ กับสัมภาระเต็มคันไม่ใช่ปัญหาของเครื่องยนต์และเกียร์ท่ีจูนอัตราทดมาดี มันไม่ได้เป็นรถที่เร่งพุ่งเหมือน SUV ราคา 5 ล้านจากเยอรมัน ความเร็วขณะเร่งออกตัว หรือเร่งแซง ออกมาในลักษณะขึ้นไปเรื่อยๆ แรงบิดรอบต่ำในการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งถือว่าพอใช้ได้ กดคันเร่งออกไป เมื่อเทอร์โบจุดติดมันก็จะเทแรงบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง รอบเครื่องสไตล์ดีเซลอาจไม่จี๊ดจ๊าดเร้าใจเพราะขึ้นแบบเนิบๆ แต่แรงบิด 500 นิวตันเมตร เท่ากับเครื่อง 2.0 ลิตร Bi Turbo ของ Everest แต่ เครื่อง 2.8 ลิตร เทอร์โบของพี่โตนั้น มีรอบเครื่องที่ต่ำกว่าเล็กน้อยจากความจุที่มากกว่าถึง 800 ซีซี. 

เช้าจดบ่ายจนมาถึงช่วงก่อนค่ำ ผมอยู่บนทางหลวงชนบทเส้นเล็กๆ ที่จะมุ่งหน้าจากพุเตยไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย โหมดสปอร์ตที่เลือกใช้มาตลอดทางภูเขาให้การตอบสนองที่ทันใจดี แต่ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากโหมด Normal ซึ่งเป็นโหมดพื้นฐานสักเท่าไหร่ ความชัดเจนของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวทำให้เส้นทางภูเขาที่สูงชันแถวๆ พุเตย – บ้านใต้ กลายเป็นทางง่ายๆ สำหรับรถที่มีแรงบิดเยอะอย่าง GR Sport เบรกหน้าแบบ 4 พอต คาร์ลิปเปอร์แดงแสบตาแปะตราสัญลักษณ์ GR มีประสิทธิภาพเบรกแค่พอใช้ได้ เบรกหลังแบบดิสก็ยังดีกว่าเบรกหลังแบบดรัม ซึ่งเบรกหลังแบบนี้ ควรจะอยู่ในรถกระบะประสิทธิภาพสูงของพี่โตมากกว่าจะยัดดรัมเบรกมาให้ใช้งาน การถ่ายเทน้ำหนักขณะเบรกอยู่ในเกณฑ์ดี อาการยวบยาบ หน้าทิ่มท้ายยก ต้องกดเบรกแบบเต็มเหนี่ยวเท่านั้น การใช้งานเบรกในรถ PPV ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 2 ตัน ควรเผื่อระยะเบรกเพื่อความปลอดภัยเอาไว้ด้วย แรงบิดเยอะ ก็ต้องเผื่อระยะเบรกไว้บ้าง กะจะมาเบรกใกล้ๆ ท้ายรถชาวบ้านขณะห้อมาเต็มกำลังดูจะเป็นการขับที่ติดประมาทมากเกินไป 

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่วิศวกรของ Toyota เรียกว่า Sigma 4 ประกอบด้วย ระบบช่วยขับเคลื่อนยามต้องลุยฝ่าสภาพเส้นทางแบบออฟโรด ทั้ง 4Low และ 4 High รวมถึงการขับเคลื่อน 2 ล้อหลังในสถานการณ์ปกติ ระบบ Sigma 4 ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในขณะขับเคลื่อนทั้งบนทางเรียบ และทางที่มีความทุรกันดารสามารถลุยฝ่าอุปสรรคได้ดี องค์ประกอบของ Sigma 4 มีรูปแบบของการขับเคลื่อน 3 รูปแบบคือ 2H ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง 4H ขับเคลื่อน 4 ล้อในสปีดความเร็วปานกลาง และ 4L ขับเคลื่อน 4 ล้อบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยดินโคลนลื่นๆ ที่ยากลำบากต่อการฟันฝ่าเอาตัวรอดเพื่อไปถึงยังจุดหมายปลายทาง ผสมผสานการทดกำลังของเกียร์และเฟืองขับสี่ผ่านการควบคุมด้วย ECU ของชุดขับเคลื่อน พร้อมระบบช่วยควบคุมการทรงตัวและระบบขับขึ้นหรือลงเนินที่มีความสูงชันมากกว่าปกติ

การขับใช้งานปกติ เช่น ขับในเมืองหรือออกทางไกล พร้อมบรรทุกสัมภาระเต็มคัน Fortuner GR Sport เป็นรถที่ Toyota Motor ทำออกมาได้ดี (เป็นพิเศษ) เนื่องจากการเป็นเจ้าตลาด PPV รถออฟโรดของตนเอง ราคา 1.89 ล้าน เมื่อลองขับทดสอบทั้งทางเรียบและทางออฟโรด Fortuner GR เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีราคาแพง แต่ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนและอุปกรณ์ที่ใส่มาให้ เทียบกับเงินเกือบ 2 ล้านที่จ่ายออกไป แน่นอนว่าราคาแพงขนาดนี้มันคงไม่ใช่รถครอบครัวแบบฉุยฉายที่ใช้ขับเฉพาะในเมือง ออปชั่นที่ครบเครื่องของรุ่นท็อปเครื่องดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ เกียร์ออโต พร้อมระบบขับสี่ นอกจากการขับที่มีครบทุกรสแล้ว ยังมีระดับของความหรูจากโทนสีและการจัดวางอุปกรณ์ของ GR Sport ทั้งภายนอกและภายใน หลังจาก 8 วันผ่านไป Fortuner GR Sport เป็นรถที่ดีอีกคันของ Toyota และน่าจะทำให้ตำแหน่งเจ้าตลาดไม่มีการเปลี่ยนมือไปอีกนานแสนนาน GR Sport ในเรือนร่าง PPV เหมาะทั้งการขับแบบเรื่อยๆ หรือรีบเร่งด้วยการใช้ความเร็ว มีความสะดวกสบายจากอุปกรณ์ใหม่ เปิดโอกาสให้มีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น ต้องไปลองขับดูเอาเองว่าแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจาก 450 มาเป็น 500 นิวตันเมตรของรุ่น 2.8 กับช่วงล่างโช้คอัพโมโนทูบนั้นมันมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน จากความคิดเห็นส่วนตัวของผม Fortuner รุ่นสูงสุด เป็นรถที่วิ่งได้ดีทั้งทางราบ ทางภูเขาและทางออฟโรด ราคาขนาดนี้ก็สมน้ำสมเนื้อกันดี หากคุณหนีมาจากรถเอสยูวีเยอรมันที่ขยันนอนอู่มากกว่านอนบ้าน

การขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งนั้นทำได้ยาก แต่การรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ให้ยาวนานมากที่สุดนั้นกลับทำได้ยากกว่า Fortuner แม้จะไม่ใช่รถอเนกประสงค์ที่ดีที่สุด แถมยังมีราคาแพงกว่าคู่แข่งหลายแสนบาท แต่สิ่งที่จะได้รับก็คือ ความแข็งแกร่งทนทาน ไม่เป็นอะไรง่ายๆ ความถึกทนของ Toyota ทั้งเครื่องยนต์และเกียร์ อยู่ในระดับแนวหน้าของวงการ รวมถึงการดูแลหลังการขายก็ยังทำหน้าที่ได้ดี รถอย่าง Fortuner จึงสามารถยึดหัวแถวยอดขาย PPV ได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ความนิยมชมชอบไม่ได้เกิดขึ้นจากประสิทธิภาพด้านการยึดเกาะ พลัง หรือความหรูหราสะดวกสบายอะไรทั้งนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก การใช้งานที่ครอบคลุมและไม่จุกจิกกวนใจ เข้าศูนย์ครั้งใดก็มีค่าใช้จ่ายที่พอรับได้ ทำให้ Toyota Fortuner รักษาเบอร์หนึ่งยอดขาย PPV ในประเทศไทยได้แบบแทบจะไร้สิ้นซึ่งคู่ต่อสู้ รถอย่าง MU-X ที่เป็นเบอร์สองนั้นใช้ความพยายามอย่างหนักในการเอาชนะยอดขายถล่มทลายของ Fortuner แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ส่วนการขับที่ดีงามของ Everest ถือว่าเหนือชั้นกว่ารถคู่ต่อสู้ PPV ทุกแบรนด์ แต่ความคงทนของชิ้นส่วนกับงานหลังบ้านของ Ford ยังเป็นสิ่งที่จะต้องได้รับการปรับปรุงต่อไป เพื่อเอาชนะใจคนที่เคยครอบครอง Fortuner สำหรับ Pajero Sport ยอดขายที่ขึ้นลงอยู่ในอันดับ 3 บ่งบอกถึงความสำเร็จของรถรุ่นนี้ แม้จะขับได้ดี แต่การทรงตัวเมื่อวิ่งเร็วๆ ยังคงเป็นรอง Fortuner GR Sport อยู่พอสมควร สำหรับ Nissan Terra ตัวปรับโฉมพร้อมอุปกรณ์แบบจัดเต็ม แม้จะไม่บู๊ล้างผลาญเหมือน GR Sport ออกไปในแนวรถพ่อบ้านรักครอบครัว นี่ถ้ามาแบบนี้ตั้งแต่แรก  Nissan คงไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการหาหนทางที่จะทำให้ Terra ใหม่ ขายดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่. 

ข้อมูลทางเทคนิค Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD

ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
ราคารถมาตรฐาน 1,879,000 บาท
ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ –
ราคารวม 1,879,000 บาท
ขนาด
มิติภายนอก ยาว 4,795 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร สูง 1,835 มิลลิเมตร
ความยาวช่วงล้อ 2,750 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อหลัง 1,555 มิลลิเมตร
ระดับต่ำสุดจากพื้น (วัดจากจุดต่ำสุดของรถ) 193 มิลลิเมตร
มิติภายใน ยาว 2,487 มิลลิเมตร กว้าง 1,478 มิลลิเมตร สูง 1,103 มิลลิเมตร

เครื่องยนต์
รุ่น 1GD-FTV (High)
แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler
ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) 2,755
ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1
กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์  204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร/ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที 
ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น แบบคอมมอนเรล
ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
น้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล

แชสซีส์
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
อัตราทดเกียร์ 1 3.600
อัตราทดเกียร์ 2 2.090
อัตราทดเกียร์ 3 1.488
อัตราทดเกียร์ 4 1.000
อัตราทดเกียร์ 5 0.687
อัตราทดเกียร์ 6 0.580
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 3.732
อัตราทดเฟืองท้าย (ต่อ 1) 3.909

ระบบกันสะเทือนหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ แบบ Monotube เฉพาะรุ่น GR Sport

ระบบกันสะเทือนหลัง แบบโฟร์ลิงค์ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ แบบ Monotube เฉพาะรุ่น GR Sport

ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR
ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR
ระบบบังคับเลี้ยว แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบ VFC
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร
ยางและล้อ 265/50R20 ล้ออัลลอย
ยางอะไหล่ 265/50R20 ล้ออัลลอย

ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
ราคารถมาตรฐาน 1,879,000
ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
ราคารวม 1,879,000

ภายนอก
กระจังหน้า สีดำเงา พร้อมสัญลักษณ์ GR
ชุดตกแต่งกันชนหน้า สีดำเงา พร้อมสัญลักษณ์ GR
บันไดข้าง สีดำ
ไฟหน้าแบบเลนส์โปรเจคเตอร์ LED Dual Projector
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-me-home
ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ
ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding
ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบ LED แบบ Sequential
กระจกมองข้าง สีดำ ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และระบบ Welcome Light
มือเปิดประตู สีเดียวกับตัวรถ
ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
ชุดเซนเชอร์เปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick Activated
ราวหลังคา
สปอยเลอร์หลัง แบบสปอร์ต เฉพาะรุ่น GR Sport
ปลายท่อไอเสียสแตนเลส
ที่ปัดน้ำฝนหน้า แบบปรับตั้งเวลา
ที่ปัดน้ำฝนหลัง

ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
สีภายใน สีดำ
สีเบาะนั่ง สีดำ
วัสดุเบาะนั่ง หนัง Suede แบบเจาะรู และหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR
เบาะนั่ง แถวที่ 1 แบบสปอร์ต
เบาะนั่ง แถวที่ 1 ปรับเลื่อน-เอน ปรับไฟฟ้า ด้านผู้ขับและผู้โดยสาร
เบาะนั่ง แถวที่ 1 ปรับระดับสูง-ต่ำ ปรับไฟฟ้า ด้านผู้ขับและผู้โดยสาร
เบาะนั่ง แถวที่ 2 แบ่งส่วน 60/40 พร้อมที่พักแขนแบบพับเก็บได้ และที่วางแก้วน้ำ
เบาะนั่ง แถวที่ 2 การปรับเลื่อน-เอน พร้อมระบบพับและยกขึ้นจังหวะเดียว
เบาะนั่ง แถวที่ 3 แบ่งส่วน 50/50 ปรับเอนและพับเก็บได้
การตกแต่งแผงคอนโซลหน้า ตกแต่งด้วยแถบสี Smoke Silver บุหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้ายแดง
การตกแต่งช่องปรับอากาศด้านหน้า แถบสี Smoke Silver และโครเมียม
การตกแต่งแผงข้างประตู ตกแต่งด้วยแถบสี Smoke Silver บุหนังสังเคราะห์สีดำ
การตกแผงควบคุมข้างประตู สีดำเมทัลลิก
การตกแต่งมือเปิดประตูด้านใน โครเมียม
ที่บังแดดด้านผู้ขับขี่ มีที่เก็บนามบัตร กระจก ฝาปิด และไฟส่องสว่าง
ที่บังแดดด้านผู้โดยสาร มีที่เก็บนามบัตร กระจก ฝาปิด และไฟส่องสว่าง
มือจับ 8 ตำแหน่ง
การปรับระดับพวงมาลัย ปรับได้ทั้ง สูง-ต่ำ และเข้า-ออก (Tilt & Telescopic)
วัสดุ/การตกแต่งพวงมาลัย หุ้มหนังแบบ Soft Touch เจาะรู พร้อม Center Mark สีแดง และเดินด้ายสีแดง ตกแต่งด้วยสี Smoke Silver และสัญลักษณ์ GR
สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และ MID ที่พวงมาลัย
วัสดุ/การตกแต่งหัวเกียร์ หุ้มหนัง / แถบสี Smoke Silver
การตกแต่งฐานเกียร์ ลาย Carbon Fiber / แถบสี Smoke Silver
วัสดุ/การตกแต่งเบรกมือ หุ้มหนัง / โครเมียม
แป้นคันเร่ง และเบรก แบบสปอร์ต
พรมรองพื้นห้องโดยสาร ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron สีขาว ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) พร้อมฟังก์ชั่นแสดงสถานะการเลี้ยวของล้อหน้า (Tire Turning Angle)
ไฟส่องสว่างที่ประตู ทั้ง 4 บาน
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control
กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ ทั้ง 4 บาน
กุญแจรีโมท Smart Key ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ พร้อมสัญลักษณ์ GR
เซ็นทรัลล็อค แบบ Speed Auto Lock
สวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ Eco/Normal/Sport
เครื่องปรับอากาศ แถวที่ 1 อัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา
เครื่องปรับอากาศแถวที่ 2 และ 3 ปรับแรงลมอัตโนมัติ
กล่องเก็บของ หุ้มหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมช่องเก็บของด้านบนแบบ Cool Box
ช่องเก็บของด้านล่าง แบบหน่วง พร้อมกุญแจล็อก
ช่องเก็บของที่แผงประตู พร้อมที่วางขวดน้ำ
ที่เก็บแว่นตา
ที่วางแก้ว
ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนสัมภาระหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนอเนกประสงค์
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง / AC 220 โวลต์ 1 ตำแหน่ง / USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 2 ตำแหน่ง
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
เครื่องเสียง จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth/USB
ระบบ Apple CarPlay
ระบบโทรออกด้วยเสียง
ระบบ T-Connect
ชุดเครื่องเสียง Premium Audio พาวเวอร์แอมป์ และลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง 11 ลำโพง (รวม Sub-Woofer)
เสาอากาศ แบบ Shark Fin
ระบบเตือนการโจรกรรม
ระบบเตือนการโจรกรรมและ Immobilizer

ความปลอดภัย
ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) LED แบบ Light Guiding
ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED
ไฟตัดหมอกหลัง
ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ไล่ฝ้ากระจกหลัง
กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) พร้อมมุมมองแบบ 3D View
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
สัญญานเตือนกะระยะด้านท้ายและที่มุมกันชนทั้ง 4 มุม
เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ทุกที่นั่ง พร้อมระบบดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ สำหรับเบาะคู่หน้า
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบเสริมแรงเบรก BA
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ A-TRC
ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC
ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential)
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
โครงสร้างนิรภัย GOA
คานเหล็กนิรภัยด้านข้าง
ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านผู้ขับ, ผู้โดยสาร, หัวเข่าผู้ขับ ด้านข้าง และม่านนิรภัย

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/